“มิน พีชญา” ร่ำไห้ขอโทษผู้เสียหาย ประกาศยุติสัญญาพรีเซนเตอร์ “ดิไอคอน”

11 ต.ค. 67

“มิน พีชญา” ประกาศยุติสัญญาพรีเซนเตอร์ “ดิไอคอน” ร่ำไห้ขอโทษผู้เสียหาย ยอมรับพลาดเอง และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 ต.ค.2567 โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา “ มิน พีชญา วัฒนามนตรี” หรือ บอสมิน ดารานักแสดง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่นั่งแท่นตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ในเครือ ดิไอคอนกรุ๊ป แถลงข่าวชี้แจงดรามาที่เกิดขึ้น

โดย มิน พีชญา กล่าวว่า แสดงความเสียใจกับผู้เสียหาย ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากเกิดเรื่องอยากออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจตั้งหลายวันแล้ว มินอยู่ที่บิรษัทดิไอคอนในฐานะ เป็นพรีเซนเตอร์ และผู้รับจ้างในฐานะผู้บริหารฝ่ายสื่อสารองค์กร หรือ พีอาร์ ซึ่งบริบทที่ได้รับจ้าง มีตัวสัญญากฎหมายชัดเจน ส่วนคนข้างในจะเรียกว่า "บอส" เป็นคำว่าที่ใช้เรียกกันเอง และให้เกียรติมิน

มิน พีชญา

ขณะที่ทนาย ได้อ่านสัญญาจ้าง จะเป็นตำแหน่งผู้บริหารจัดการฝ่ายสื่อสารตลาดออนไลน์ ก็คือสื่อสารองค์กร คำว่า “ผู้บริหาร” กับ “ผู้บริหารจัดการ” ซึ่งเรียกต่างกัน แต่คุณมินเป็น “ผู้บริหารจัดการ”

มิน กล่าวต่อว่า ขอบเขตของคำว่า “ผู้บริหารจัดการ” เพื่อแนะนำประชาสัมพันธ์โปรโมทสินค้าและผลิตภัณฑ์ของบริษัทดิไอคอน ทั้งนี้ ตนในฐานะพีอาร์ ได้ค่าตัวเท่ากับค่าตัวพรีเซนเตอร์ปกติทั่วไป มีสัญญาชัดเจน พร้อมเอาไปมอบให้ตำรวจ

มิน ยืนยันว่า เพิ่งร่วมงานกับบริษัทดิไอคอน ได้ปีกว่าๆ ซึ่งบริษัท ดิไอคอน เปิดมาแล้ว 6 ปี ณ วันที่ก้าวเข้ามาร่วมงาน ได้มีการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเท่าที่ตนเองจะสามารถตรวจสอบได้ คือ ตรวจสอบว่าจัดตั้งถูกต้องหรือไม่ ลองใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเอง และพบว่าบริษัท มีรางวัลจาก สคบ.ซึ่งเป็นหน่วยงานของภาครัฐ และไม่เพียงเท่านั้นตนเองไม่ใช่พรีเซ็นเตอร์คนแรก ที่เข้ามาร่วมงานกับบริษัทดิไอคอน ซึ่งก่อนหน้านี้มีวิวบอร์ดดิไอคอนมากมาย และมีพรีเซนเตอร์ดังๆหลายท่าน เกือบ 10 คนที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของบริษัทที่ไอคอนอยู่แล้ว

มิน ยังบอกอีกว่า มาตรฐานของมินที่อยู่วงการมา 20 กว่าปี มินไม่เคยมีข่าวเสียหาย ในการรับงานพรีเซนเตอร์มาก่อนแม้แต่ตัวเดียว ไม่เคยรับงานอะไรที่สุ่มเสี่ยง สีเทา หรือมีความเสี่ยงเสี่ยงที่จะทำให้ประชาชนเดือดร้อน แม้แต่นิดเดียว และบ้านมินก็มีธุรกิจ เกี่ยวกับห้างร้านวัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ แล้วเงินที่ได้จากบริษัทดิไอคอน ก็เป็นเงินที่ได้ เท่ากับค่าตัวพรีเซนเตอร์ทั่วไป ไม่มี 100 ล้าน อย่างที่เขาพูด วันนี้มินมีทางเลือก ไม่ได้ถูกบีบว่าจะต้องมาทำอะไรที่สีเทา หรือทำอะไรที่ให้ประชาชนเดือดร้อน เพื่อที่ตัวเองจะได้มีเงินไปเพื่ออะไร เพราะว่าที่บ้านก็มีธุรกิจ

ระหว่างการแถลงข่าว มิน กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ต้องโทษตัวเองที่ตรวจสอบไม่ดีพอ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ซึ่งตั้งแต่ มิน เข้ามาไม่เคยมีจุดไหนที่ต้องสงสัยเลย หรือเอะใจ เกี่ยวกับบริษัทดิไอคอน เพิ่งเคยได้ยินเรื่องความเสียหายของบริษัทตอนนี้ สงสารผู้เสียหายมาก อยากจะยืนเคียงข้างประชาชน อยากจะเจอเขา อยารู้ว่าเขาเป็นไงบ้าง ยอมรับว่าพลาด ตรวจสอบไม่มากพอ และไม่ครอบคลุม

มิน พีชญา

มิน ยังเล่าที่มาก่อนจะเข้ามาเป็นพรีเซนเตอร์ของบริษัทอิไอคอนว่า ผู้จัดการได้รับการติดต่อจากบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ให้มินมาเป็นพรีเซนเตอร์เซรั่มตัวหนึ่ง ในรอบแรกผู้จัดการส่วนตัวไปคุยกับบริษัทคนเดียว ครั้งที่ 2 คุณพอลเขาสนใจ และอยากจะเจอตัวมิน  เมื่อประมาณต้นปีที่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่มินได้พบกับคุณพอล ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

และหลังจากที่เจอคุณพอล ก็ติดต่อมาว่า อยากให้มินเป็นมากกว่าพรีเซนเตอร์ คืออยากให้มินเป็น PR ของบริษัท ซึ่งตรงนี้ตัวมินเองก็ไม่ได้รีบตัดสินใจ จึงเอากลับไปคิดทบทวนหลายเดือน ในระหว่างนั้นก็ลองทานโปรดักไปด้วย ซึ่งระหว่างนั้นคุณพอล ก็มีการโทรตามมินเรื่อยๆ หลังจากนั้นประมาณ 3 เดือน ก่อนจะปรึกษากับผู้จัดการว่าลองดูสักปี ซึ่งเป็นที่มาร่วมงานกัน ในฐานะผู้ถูกจ้างคนหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าเป็นทั้งพรีเซนเตอร์และผู้รับจ้าง เป็น PR

มิน ย้ำว่า “มินไม่มีหุ้นส่วนไม่เคยลงทุนกับบริษัทดิไอคอน แต่อย่างใด เป็นแค่ลูกจ้างเท่านั้น และได้ค่าตัวเท่ากับส่วนของการเป็นพรีเซนเตอร์แค่นั้น ไม่มีเงินโบนัสหรือเงินพิเศษใด ๆ”

พร้อมกับได้ประกาศ ยุติสัญญากับดิไอคอนทั้งหมด เนื่องจากตนได้ติดต่อไป 3-4 วันแต่ทางบริษัท และคุณพอลเงียบ ไม่ได้ออกมาปกป้องตนเองเลย แถมยังบอกว่า “มินออกไปตอบได้เลย” จึงออกมายืนยันความบริสุทธิ์ตัวเอง

ช่วงท้ายมินได้ ร่ำไห้ระบุว่า “วันนี้มินโทษตัวเองที่ปล่อยให้มีผู้เสียหายมากขนาดนี้ ขอโทษประชาชนด้วยความจริงใจ ขอยืนเคียงข้างประชาชน ช่วยทุกอย่างเท่าที่จะช่วยได้ให้ความร่วมมือกับตำรวจ ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด และจะเดินเข้าไปเอง โดยไม่ต้องให้มีการเรียกตัว”

มิน พีชญา

นักข่าวถาม อยากฝากอะไรถึงบอสพอล หรือไม่  มินตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า “มินก็ไม่มีอะไรจะพูด”

 

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส