“บิ๊กเต่า” เผยบอสพอล ร่วมมือกระชากหน้ากากพวกรีดเงิน-ชี้พยานสายไหม “มั่ว อุปโลก”

หน้าแหก! “บิ๊กเต่า” ยัน พยานสายไหมต้องรอด ปูดเงินคริปโตบอสพอล มั่ว อุปโลก ขึ้นมาหวังได้แสง จ่อดำเนินคดี เผยบอสพอลให้ความร่วมมือกระชากหน้ากากพวดรีดเงิน

วันนี้ (22ต.ค.67)พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้าพูดคุยกับทนายความบอสพอล ที่ได้นำหลักฐานคลิปวิดีโอที่ถูกรีดทรัพย์มาให้ โดยมีการเปิดดูในโน๊ตบุ๊ค สีหน้าเคร่งเครียด

หลังจากคุยกับทนายและดูคลิป 30 นาที ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน บอกว่า จากการประสานข้อมูลจากการที่คุยกับบอสพอล วันนี้ทนายไปพูดคุย ก็ได้รับความร่วมมือกับบอสพอล และบอสพอลให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการให้ข้อมูลต่างๆในเรื่องกลุ่มแก๊ง ที่เข้ามาบีบบังคับขูดรีดหาช่องว่างหาโอกาส มาทำให้บริษัทเดือดร้อน ซึ่งจะมีการทยอยนำข้อมูลต่างๆเข้ามาให้พนักงานสืบสวนดำเนินการ ซึ่งถือว่าได้รับความร่วมมือ ไม่ว่าบอสพอล ถูกหรือผิดไม่รู้ แต่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการ และคลิปวิดีโอในวันนี้ มีประโยชน์ต่อรูปคดี เป็นลักษณะเห็นการกระทำความผิดของกลุ่มคนที่เข้ามารีดทรัพย์ และจะขยายผลคลิปไปกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะนักร้องเรียนหรือเจ้าหน้าที่ และจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งหลักฐานมีทั้งวิดีโอ ภาพนิ่ง และกล้องวงจรปิด ซึ่งแต่ละคลิปเป็นการเข้าไปเก็บหลักฐาน ข้อมูลลักษณะของกลุ่มที่เข้ามาเรียกทรัพย์ แต่บางคนไม่รู้ตัว ซึ่งเชื่อว่าบอสพอลทำธุรกิจ มีปัญหาอะไรเขาก็เก็บหลักฐานไว้ทุกอย่าง ซึ่งเราก็ยังตามหาหลักฐานทุกๆอย่าง ที่จะมาประกอบการสืบสวนของเรา แต่วันนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีว่าพอให้ความร่วมมือ ในการที่จะเปิดหลายๆเรื่อง ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 “ขอให้เป็นเรื่องของการสืบสวน เราจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง ดังนั้น ในเรื่องของการจะเรียกคนที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีได้เมื่อไหร่นั้น ขอเวลาทำงานก่อน ส่วนจะมีการเชิญบุคคลที่ปรากฎในคลิปเสียงมาให้ข้อมูลหรือไม่ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยาน และเตรียมจะขอหมายจับ ด้วย โดยจะพิจารณาข้อหา ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ข้อหาเรียกรับไป หรือถ้าเป็นคนธรรมดา ก็กรรโชกทรัพย์”

ส่วนโทรศัพท์มือถือของบอสพอล ที่ยึดมาก่อนหน้านี้ ทนายได้เปิดให้ดูหรือยังที่มีการอัดเสียง บิ๊กกล่าวบอกว่า น่าจะเปิดได้แล้ว แต่ยังไม่พบข้อมูลอะไร

ก่อนหน้านี้ที่นักร้องเรียนอ้างว่า มีการเจรจาและตกลงยินยอมจ่ายเงิน จะมีผลต่อการดำเนินคดีหรือการสืบสวนเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เท่าที่คุยกับบอสพอล มองว่า เขาถูกรังแกจากกลุ่มพวกนี้ที่มารีดเงิน และบอสพอลมองว่าไม่จำเป็นต้องจ่าย เพราะเขาทำ ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องข้อกฎหมายที่จะต้องไปพูดกัน ซึ่งกลุ่มที่เข้ามาเรียบเงินก็มีพยานหลักฐานที่เก็บไว้มากพอสมควร โดยทางเราได้ขอความร่วมมือจากบอสพอล ให้ช่วยเหลือสังคม กระชากหน้ากาก ไอ้พวกกลุ่มคนต่างๆที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นผู้หวังดี ที่ช่วยเหลือ ผู้ร้องเรียนนักร้องเรียน หรือแม้กระทั่งเป็นเจ้าหน้าที่   

ส่วนหมายจับที่กำลังจะออกนั้น จะมีกี่คนอย่างไร พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า จะต้องไล่สอบปากคำก่อนจึงจะบอกได้ว่ามีประมาณกี่คน เพราะต้องไปสอบปากคำผู้ต้องหา และต้องใช้ประจักษ์พยานและพยานทางวิทยาศาสตร์ จึงจะสามารถบอกได้ว่ากี่คน โดยจะทำให้ไวที่สุด เพราะคดีนี้เป็นคดีใหญ่ ส่วนจะเป็นพระเอกนางเอกที่เป็นนักร้องเรียนหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า พระเอกนางเอกเขาก็หน้าตาคล้ายกันนะ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังชี้แจง กรณีการตรวจสอบเงินโยกย้ายเงินแปลงสกุลเงินคริปโต เป็นอิเธอร์เรียม ตามที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้นำพยานที่อ้างว่า ได้ข้อมูลมาจากคนใกล้ชิดในบริษัทดิไอคอน มาให้ปากคำกับตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวานนี้ ด้วยว่า พยานบุคคลหนึ่งมาให้ข้อมูล ตอนนี้ทราบแล้วว่าคนคนนี้เป็นใคร ก็เลยเรียกมาสอบปากคำ และจากการสอบปากคำ ยืนยันแล้วว่า ข้อมูล ‘มั่ว ไม่มีที่มาที่ไป เป็นการอุปโลกกันขึ้นมา’ โดยที่ข้อเท็จจริงไม่มี พอสอบปากคำไปแล้ว ก็ยิ่ง ไม่มีต้นทาง  ไม่มีที่มา เป็นการไปถามข้อมูลจากเพื่อน และค้นจากเว็บไซต์ มาประกอบกัน ‘หากเปรียบเทียบ เหมือนเอาดิน เอาทราย เอาขี้ มาใส่รวมๆแล้วปั้นให้เป็นแมวสักตัวหนึ่ง เอาข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือมาทำเอง เป็นการสร้างสตอรี่ แล้วคริปโตก็เป็นการไปเอาข้อมูลที่ไหลเวียนอยู่ทุกวันๆในช่วงเวลาใกล้เคียง แต่ทุกวันๆก็จะมียอดนี้อยู่แล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบแล้ว เป็นยอดปกติที่ผ่านในคริปโต ซึ่งบุคคลนี้รับสารภาพ ทุกอย่างแล้ว”

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังบอกอีกว่าบุคคลคนนี้ ไปหาหลายคนแล้ว แต่ไม่มีใครดำเนินการให้ เพราะไม่มีที่มาของข้อมูล และมองว่า การออกมาพูดคงอยากเรียกร้องความสนใจ และบุคคลที่เป็นพยานมีการทำธุรกิจออนไลน์อยู่แล้ว และหากไปออกรายการก็จะมีชื่อเสียงเลยอุปโหลกขึ้นมา ซึ่งไม่รู้ว่าไปสร้างความเสียหายอะไรยังไง ดังนั้นต้องพิจารณาก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะทำให้เกิดความเสียหายไปถึงหน่วยงานด้วย ซึ่งผบ.ตร. ก็สั่งให้ดำเนินการ ทุกขั้นตอนทุกคนที่สร้างความปั่นป่วนสร้างความเสียหาย ส่วนจะ รวมไปถึงในเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดหรือไม่ ต้องรอ นำเข้าคณะกรรมการก่อนและขอเตือนไปยังผู้มีจิตอาสาในการจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เข้ามาด้วยใจสุจริต ไม่ได้เข้ามาเพื่อหาแสง เพราะสอบสวนกลาง แสงสว่างไปหมด คนเลยเข้ามา

ทั้งนี้กรณีที่เพจสายไหมต้องรอดพามาให้ข้อมูล ก็จะต้องดูเจตนาที่แท้จริงด้วยว่ารู้หรือไม่โดยเราให้ความเป็นธรรมเพราะเพจสายไหมต้องรอดช่วยเหลือพี่น้องประชาชน