เตรียมเชิญ "เจ๊อ้อย" เข้าให้ปากคำ หลังแจ้งความ "ทนายตั้ม" ฮุบเงิน 71 ล้าน

26 ต.ค. 67

ตำรวจเตรียมเชิญ "เจ๊อ้อย" เข้าให้ปากคำ หลังแจ้งความ "ทนายตั้ม" ฮุบเงิน 71 ล้าน ด้านทนายความ ยืนยัน มีหลักฐานมัดตัวแน่น 

จากกรณีที่นาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ถูก นางจตุพร หรือ เจ๊อ้อย เศรษฐินี ใช้ชีวิตอยู่กับสามีที่ประเทศฝรั่งเศส แจ้งความเอาผิดในฐานฉ้อโกง เนื่องจากอ้างว่าถูกหลอกลงทุนแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ ที่สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมานั้น 

ล่าสุดวันที่ 26 ต.ค. 67 พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่พนักงานสอบสวนสภ.ปากช่อง ได้มีการโอนสำนวนมาให้กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราบ เป็นผู้ดำเนินการนั้น ตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนได้มีการเชิญผู้เสียหาย ให้เข้ามาให้ปากคำในเรื่องดังกล่าว โดยตอนนี้อยู่ระหว่างประสานว่าจะสะดวกเข้ามาให้ปากคำวันไหน 

ส่วนผู้เสียหายจะแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เพื่อเอาผิดกับผู้ถูกกล่าวหา ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม จะต้องขอดูสำนวนให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งจะต้องทำตามเป็นขั้นตอนระเบียบ 

ด้านนาย สมชาติ พินิจอักษร ทนายความของ น.ส.จตุพร กล่าวว่า วันนี้ น.ส.จตุพร ไม่เดินทางมาที่กองบังคับการกองปราบปราม ส่วนจะมาพรุ่งนี้หรือไม่นั้น ยังไม่ทราบรายละเอียด ต้องรอ น.ส.จตุพร ประสานมาอีกครั้ง 

ในส่วนของการโอนสำนวนคดีมาที่ทางกองปราบปราม เป็นวัตถุประสงค์ของทาง น.ส.จตุพร เนื่องจากว่า ในพื้นที่เครื่องมือต่างๆ จำนวนของพนักงาน สภ.ปากช่อง อาจไม่เพียงพอ กลัวว่าจะทำคดีล่าช้า เพราะคู่กรณีเป็นถึงทนายความชื่อดัง กระบวนการต่างๆ น่าจะใช้เวลานาน จึงตัดสินใจโอนมาให้กองปราบปรามเป็นคนทำคดีนี้ 

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ทางทนายดังหรือคู่กรณีได้มีการติดต่อสอบถามหรือเจรจาหรือไม่ นายสมชาติ ยืนยันว่า ยังไม่มีใครติดต่อผ่านตนมา ส่วนจะติดต่อไปทางเลขาของ น.ส.จตุพร หรือไม่นั้น ขอยืนยันว่าถ้าเป็นในส่วนของรูปคดีจะต้องติดต่อผ่านทางตนเท่านั้น 

นายสมชาติ กล่าวว่า ส่วนประเด็นเรื่องของเงินจำนวน 71 ล้านบาท ที่ทางทนายความดังอ้างว่าให้มาด้วยความเสน่หา ตนตอบได้เเค่ว่า เป็นไปตามหลักฐานที่ตนได้แจ้งความไว้แค่นั้น ส่วนจะเป็นอย่างไรก็เป็นการต่อสู้ของเขา ซึ่งทางตนและลูกความได้ยึดตามหลักฐานเอกสารที่มี 

ส่วนเอกสารการทำสัญญานั้นมีจริงหรือไม่ ขอยืนยันว่า มีจริงเเน่นอนลงนามโดยชื่อของผู้เสียหายคือ น.ส.จตุพรและคู่สัญญา โดยไม่มีชื่อของผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในสัญญา  แต่มีชื่อของบุคคลใกล้เคียงที่มาเซ็นชื่อเป็นพยาน และยืนยันว่าเอกสารฉบับนี้นั้น สามารถมีผลทางกฎหมายและเป็นหลักฐานในคดีนี้ได้อย่างแน่นอน 

นอกจากนี้ยังมีใบเปย์อิน หรือกระดาษกรอกเลขที่บัญชีและยอดเงิน ก่อนโอนไปให้บุคตลอื่น ซึ่งเป็นหลักฐานทางธนาคารหรือหลักฐานการโอนเงินที่ปรากฏอยู่ตามสื่อในตอนนี้

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตัวของ น.ส.จตุพรและสามี ได้เดินทางมาถึงที่ประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส