กรณีทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในชุมชนอาศัยที่เงียบสงบ ภายในซอยพหลโยธิน 40 ได้สะท้อนถึงความกังวล และปัญหาที่จะตามมาเมื่อมีหอพัก และอาคารสูงเกิดขึ้นในชุมชน
เช่นเดียวกับชุมชนรัชดาภิเษก 36 หรือที่รู้จักกันในชื่อ ชุมชนเสือใหญ่ ความเจริญได้เข้าเต็มพื้นที่แทบจะไม่มีพื้นที่ว่างเปล่า หรือแม้แต่บ้านพักแบบดั่งเดิมหลงเหลืออยู่ สภาพชุมชนกลายเป็นที่พักอาศัยสำหรับการมาอาศัยชั่วคราว หรือเป็นผู้เช่าเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ปัญหาแออัดชุมชนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการก่อสร้างหอพักอาคารสูง คนที่รักและหวงแหนพื้นที่เดิมจึงต้องออกมารักษา ที่แน่นอนว่า การอธิบายเป็นเรื่องยากกว่าการใช้ชีวิต ที่ต้องทนกับวิถีการดำรงชีพที่ต้องเจอในทุกวัน ว่าชุมชนอันเป็นที่รักจะกลายเป็นชุมชนแออัด จนกลิ่นอายความสงบจางหายไป เมื่อถูกความเจริญเข้าครอบงำ
ภาพชินตาของตึกสูง และการก่อสร้างที่มีผ้าตาข่ายคลุม เป็นมาตรการป้องกันเบื้องต้น ที่ไม่ได้ลดปัญหาอื่นที่อาจจะตามมากับการมีหอพัก ที่สามารถเพิ่มจำนวนคนอาศัยในชุมชนได้นับพันชีวิต
ความเป็นธรรมอีกมุม คือ เสียงสะท้อนจากเจ้าของโครงการก่อสร้างหอพัก ที่ยืนยันการก่อสร้างถูกต้อง ทั้งการขออนุญาต และแบบการก่อสร้าง พร้อมให้มีการตรวจสอบ หรือแม้แต่การฟ้องร้องต่อศาล และขอให้เข้าใจว่าการก่อสร้างไม่ใช่เพียงแค่อาคารนี้ แต่ในเมื่ออาคารอื่นก่อสร้างได้ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิ์ที่จะสร้างหอพัก
นอกจากอาคารที่กำลังก่อสร้างจะสร้างความกังวลใจให้กับคนในชุมชน นางจรรยา สว่างจิตร รองประธานหมู่บ้าน เปิดเผยว่า นอกจากอาคารนี้แล้วยังมีอีกอาคารที่จะเกิดขึ้นบนพื้นที่ดินแปลงว่างเปล่า ที่ได้รับใบอนุญาตสร้างอาคารสูง 8 ชั้น นำความกังวลมาพร้อมความสงสัย ว่า สามารถก่อสร้างได้ถูกต้องตามกฎหมายจริงหรือไม่
นายอาฤทธิ์ ศรีทอง ผอ.เขตจตุจักร กล่าวชี้แจงว่า การก่อสร้างทุกอาคารในชุมชนแห่งนี้ถูกต้อง มั่นใจการทำหน้าที่ และอยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจ เนื่องจากเจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิ์ตามกฎหมายในที่ดินของตัวเอง แต่ก็ต้องยอมรับถึงปัญหาที่มาคู่กับการก่อสร้างหอพัก ซึ่งต้องแก้ไปตามปัญหา ไม่สามารถไปแก้ส่วนที่ยังไม่เกิดขึ้นได้
สำหรับกฎหมายที่กำหนดเงื่อนไขการก่อสร้างหอพัก พื้นที่ใช้สอยของอาคารไม่เกิน 2,000 ตร.ม. ไม่ต้องมีที่จอดรถ ส่วนพื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 4,000 ตร.ม. หรือ 80 ห้องพัก ไม่จำเป็นต้องศึกษา หรือสำรวจผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม