สิ้นสุดมหากาพย์การปั่น! เพราะในที่สุดเจ้าพ่อเทสลา "อีลอน มัสก์" ก็ได้ปิดดีลซื้อกิจการ Twitter เป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันนี้ พร้อมประเดิมงานแรกในฐานะเจ้าของใหม่ด้วยการ "ไล่ออก" ทีมผู้บริหารเก่า
รอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่า มัสก์ได้เข้าซื้อแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังอย่างทวิตเตอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามกรอบระยะเวลาที่จะต้องเจรจาปิดดีลกันให้ได้ภายในวันนี้ (28 ต.ค. 65) แต่ยังไม่มีการเปิดเผยชัดเจนว่า ซื้อไปในราคาเท่าไร และมัสก์มีแผนจะยกเครื่องทวิตเตอร์อย่างไร
แต่ที่ดูเหมือนจะเป็น "ภารกิจเร่งด่วนกว่า" ก็คือ การเขี่ยผู้บริหารชุดเดิม 3 คนออกไปทันทีที่เขาได้เป็นเจ้าของคนใหม่ โดยสิ่งแรกที่เขาทำก็คือ ไล่ออกประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) "พารัก อักราวัล", ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) "เน็ด เซกัล" และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและนโยบาย วิจายา แกดเด
รายงานระบุว่า ในขณะที่มีการบรรลุข้อตกลงซื้อขายกิจการกันเรียบร้อยลงด้วยดี อักราวัลและเซกัล ซึ่งขณะนั้นอยู่ในสำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์ในซานฟรานซิสโก “ได้ถูกเชิญตัวออกไปจากสำนักงาน”
แหล่งข่าวเผยว่า สาเหตุที่ไล่ออกก็คือ พฤติกรรมของทั้งสามคนที่ต้องการปกปิดตัวเลขบัญชีผู้ใช้ปลอมบนทวิตเตอร์ (บอทและสแปม) โดยกอนหน้านี้ในช่วงที่มีมหากาพย์ดีลล่ม อีลอน มัสก์ ประกาศจะถอนตัวจากเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์โดยอ้างว่า ทวิตเตอร์ละเมิดข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการ โดยไม่ยอมเปิดเผยและให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีสแปมและบอท
มัสก์เคยเรียกร้องให้ทวิตเตอร์เปิดเผยข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับวิธีการตรวจสอบบัญชีปลอมและสแปมบอทของทวิตเตอร์ หลังบริษัทโซเชียลมีเดียอ้างว่า สแปมบอทและบัญชีปลอมมีสัดส่วนน้อยกว่า 5% ของผู้ใช้ทวิตเตอร์ แต่มัสก์กล่าวหาว่า จำนวนบัญชีปลอม-สแปมบอทที่แท้จริงในทวิตเตอร์นั้นมีแนวโน้มที่จะสูงกว่าที่ทวิตเตอร์บอก ซึ่งอาจสูงถึง 90%
ด้านอีลอน มัสก์ ซึ่งอัปเดตข้อมูลส่วนตัวในบัญชีทวิตเตอร์ของตัวเองว่าเป็น “หัวหน้าทวิต (Chief Twit)” ได้ทวีตข้อมูลว่า เขาต้องการที่จะกำจัดบัญชีปลอมและสแปมบอทออกไปจากทวิตเตอร์ และทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่ไม่ก่อให้เกิดความเกลียดชังและความแตกแยก โดยย้ำว่าทวิตเตอร์จะต้องเป็น “พื้นที่ที่อบอุ่นและยินดีต้อนรับทุกคน”
เมื่อวานนี้ มัสก์ก็เพิ่ง "เล่นใหญ่" ด้วยการ "แบกอ่างล้างมือ" เข้าไปด้วยขณะเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์ ในซานฟรานซิสโก พร้อมเขียนคำบรรยายคลิปแบบติดตลกว่า "Entering Twitter HQ - Let that sink in"
สำนวน Let that sink in หมายความว่า ขอเวลาทำความเข้าใจให้ถ่องแท้, หรือขอใช้เวลาคิดสักพัก(ในการเข้ามาบริหารทวิตเตอร์) แต่ก็อาจแปลความตรงตัวแบบขำๆ ได้เหมือนกันว่า เขากำลังเอาอ่าง (sink) เข้ามาในสำนักงานใหญ่ทวิตเตอร์นะ
อย่างไรก็ตาม มัสก์ยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่า เขาจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้อย่างไร และใครจะเป็นคนบริหารบริษัท
และที่สำคัญก็คือ ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับ "ชะตากรรมของพนักงงานทวิตเตอร์ 7,500 คน" หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวกับนักลงทุนว่า มีแผนที่จะโละพนักงาน Twitter ราว 75% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนในการเข้าเทคโอเวอร์บริษัท ให้เหลือเพียงพนักงานที่เป็น ‘กระดูกสันหลัง’ ของบริษัทจริงๆ เพียง 2,000 คนเท่านั้น
ซึ่งหากการปลดพนักงานครั้งมโหฬารนี้เกิดขึ้นจริง ย่อมส่งผลต่อการดำเนินงานภายในบริษัทอย่างแน่นอน โดยก่อนหน้านี้ Twitter ก็ตกเป็นเป้าในเรื่องการควบคุมคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาสุ่มเสี่ยงบนแพลตฟอร์มของตน และปัญหาเรื่องความปลอดภัยที่อ่อนไหวต่อการโดนแฮกโดยผู้ไม่หวังดีอยู่ก่อนแล้ว