รู้จักเทรนด์ใหม่ Gen Z ฮิต 'ขุดหลุม' แก้กลุ้ม บอกทำแล้วมีสมาธิ ใจสงบ
คุณทำอะไรเพื่อแก้เครียด? สำหรับคำถามนี้ หลายๆ คนอาจให้คำตอบได้แตกต่างกันไป บ้างก็อาจจะว่านอนพักผ่อน ดูภาพยนตร์ เล่นเกม ฟังเพลง อ่านหนังสือ เล่นกีฬา หรือออกไปซื้อของ แต่สำหรับวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งในเมืองเซนต์แอนดรูว์ ประเทศสกอตแลนด์ วิธีแก้เครียดของพวกเขาคือการนัดกันไป ‘ขุดหลุม’ ที่ชายหาด แล้วกลบให้มันเป็นเหมือนเดิม
คอนเทนต์แนะนำ
โดยในปัจจุบัน พวกเขารวมตัวกันในนาม St Andrews Hole Society และยังคงนัดขุดหลุมและถ่ายรูปมาอวดฟอลโลว์เวอร์จำนวน 810 คนในอินสตาแกรมกันอย่างต่อเนื่อง โดยอีเวนท์ขุดหลุมล่าสุดของพวกเขาก็เพิ่งจัดขึ้นในคืนวันฮาโลวีนที่ผ่านมานี้เอง
และที่แปลกคือพวกเขา 'ไม่ใช่' วัยรุ่นกลุ่มเดียวที่ทำแบบนั้น เพราะปรากฎว่าเทรนด์ขุดหลุม โดยเฉพาะการขุดหลุมที่ชายหาดนี้เป็นสิ่งที่ Gen Z ทำกันทั่วโลก โดยถ้าหากคุณเข้าไปในแอปพลิเคชั่น TikTok แล้วเสิร์ชคำว่า ‘digging hole’ หรือเข้าไปในแฮชแท็ก #.DiggingHoles และ #.DiggingHole คุณก็จะได้เห็นวัยรุ่นทั้งชายหญิงหยิบจอบหยิบเสียมขุดหลุมเล่นกันอย่างสนุกสนาน
โดยบางคลิปก็เป็นคลิปเจ้าหน้าที่เดินมาตำหนิวัยรุ่นที่ขุดหลุมลึกเกินควร หรือคลิปตำรวจเตือนประชาชนว่าอย่าไปขุดหลุมลึกนัก หรือขุดแล้วถมกลับด้วย เพราะมันเป็นอันตรายกับคนเดินชายหาดตอนกลางคืน
ปัจจุบันใน TikTok คำว่า ‘digging hole’ มียอดวิวรวมแล้ว 28.4 ล้านวิว ในขณะที่ #.DiggingHoles และ #.DiggingHole มียอดวิวรวม 18.8 ล้านวิว และ 1 ล้านวิวแล้ว ตามลำดับ เรียกได้ว่าได้รับความนิยมพอสมควร สำหรับพฤติกรรมประหลาดๆ ที่ทำไปแล้วก็เหมือนไม่ได้อะไรเช่นนี้
แต่ขุดหลุมไปแล้วก็ไม่ได้อะไรจริงหรือ?
สำหรับคำถามนี้ ถ้ามีใครไปถามวัยรุ่นที่ลงมือขุดหลุมจริง ก็คงได้คำตอบว่า 'ไม่จริง' เพราะพวกเขาบอกว่าการทำเช่นนี้ทำให้พวกเขา ‘รู้สึกผ่อนคลาย’ และ ‘มีสมาธิ’
จากคำอธิบายของ ดร. Jakob Hirsh รองศาสตราจารย์ด้านพฤติกรรมองค์การและการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ที่มหาวิทยาลัยโทรอนโท กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้มนุษย์ โดยเฉพาะผู้ชาย ชอบขุดหลุมคือ ‘มนุษย์จะรู้สึกดีเสมอถ้าได้ลงแรงทำอะไรให้สำเร็จซักอย่าง’ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยขนาดไหนก็ตาม และด้วยความที่การลงแรงกาย หรืออวดความแข็งแรงด้านกายภาพ มักจะเป็นเรื่องที่สังคมคาดหวังให้ผู้ชายทำ ผู้ชายจึงรู้สึกดีเวลาได้ออกแรงขุดหลุมมากเป็นพิเศษ
เป็นสาเหตุที่ยืนยันโดยนักวิจัยอีกคนคือ ศาสตราจารย์ Jason Laker บรรณาธิการวารสารวิชาการ Journal of Men’s Studies ว่าการขุดหลุมทำให้มนุษย์รู้สึกดี เพราะว่ามันทำให้พวกเขารู้สึก ‘เติมเต็ม’ ว่าได้ทำอะไรสำเร็จบางอย่าง ในยุคที่การทำอะไรใหญ่ๆ ให้สำเร็จมันยาก
แถมยังเป็นการทำสมาธิ เพราะเมื่อมองดีๆ แล้ว การขุดหลุมก็เหมือนการออกกำลังกายอื่นๆ เช่น การวิ่ง เพราะมันเป็นการออกแรง ขยับร่างกายทำท่าเดิมๆ ซ้ำๆ ซึ่งดึงความสนใจเราออกจากเรื่องเครียดๆ ได้
และที่สำคัญคือ พฤติกรรมชอบขุดหลุมแก้เครียดของมนุษย์นี้มีหลักฐานรองรับทางประวัติศาสตร์ เพราะในอดีต มีนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังหลายคนที่มีพฤติกรรมขุดหลุมเวลาเครียดคิดอะไรไม่ออก
อย่างเช่น ‘Seymour Cray’ นักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลก ก็ชอบลงไปขุด ‘อุโมงค์’ ใต้บ้านเวลาคิดงานไม่ออก โดยเขาเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Time เมื่อปี 1988 ว่า “เวลาผมลงไปขุดอุโมงค์ พวกเอลฟ์จะชอบมาหาผมแล้วบอกวิธีแก้ปัญหาให้”
หรือนักกีฎวิทยาชาวอเมริกันชื่อ ‘Harrison Dyar Jr.’ ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องพฤติกรรมแปลกๆ รวมไปถึงความชอบขุดหลุมของเขา ที่ชอบถึงขนาดทำให้เขาขุดอุโมงค์ใต้ดินเชื่อมบ้านสองบ้านในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี ของเขาได้สำเร็จ ซึ่งเขาก็แอบขุดเงียบๆ มาตลอด จนความมาแตกเมื่อมีดินทรุด ทำรถบรรทุกตกอุโมงค์ที่เขาเคยขุดไว้
และเมื่อมีคนไปถามเขาว่าทำไมเขาถึงชอบขุดหลุมขนาดนี้ เขาก็เล่าให้นิตยสารที่มาสัมภาษณ์ฟังว่า ความรู้สึกอยากขุดนี้เกิดขึ้นตอนที่เขาเริ่มขุดหลุมทำแปลงดอกไม้ในบ้านของเขาแล้วรู้สึกว่าอยากจะขุดต่อไปเรื่อยๆ และเขาเชื่อว่า ‘ความอยากขุดหลุม’ นี่มันฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของมนุษย์
นอกจากนี้ งานวิจัยของนักบรรพชีวินวิทยาคนหนึ่งที่ชื่อว่า ‘Jan Zalasiewicz’ ยังระบุอีกด้วยว่า ‘มาตรธรณีกาล’ (Anthropocene) หรือช่วงเวลาที่มนุษย์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างมีนัยสำคัญ นี้ เริ่มขึ้นจากการที่มนุษย์รู้จักขุดหลุมเพื่อทำการเกษตร ทำการก่อสร้าง หรือดึงทรัพยากรต่างๆ ในดินออกมาใช้
จึงทำให้การขุดหลุมเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงและใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้นเรียกได้ว่าเป็น ‘พฤติกรรมดั้งเดิมและเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าพันธ์ุมนุษย์’ เพราะจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ “ไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนแล้วที่จะขยันขุดอุโมงค์ หรือพยายามสร้างเทคโนโลยีมาขุดหลุมได้ใหญ่เท่ามนุษย์” เขาให้ข้อสังเกตไว้ในงานวิจัย
ซึ่งถ้าทฤษฎีเหล่านี้เป็นจริงแล้ว ก็อาจเรียกได้ว่า ‘ความอยากขุดหลุม’ นั้นฝังอยู่ในดีเอ็นเอของมนุษย์ เพราะมันเป็นพฤติกรรมหนึ่งที่บรรพบุรุษของเราพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์จากสิ่งแวดล้อม หรือสร้างสรรค์อะไรขึ้นมาอย่างหนึ่ง และนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มนุษย์รู้สึกเหมือนได้ทำอะไรสำเร็จซักอย่าง หรือรู้สึกดีอยู่ลึกๆ เมื่อได้ลงมือขุดหลุม
รวมไปถึงบ่งบอกว่าในยุคที่คนรุ่นใหม่เหมือนจะหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตจนมีเทรนด์นอนนิ่ง นอนเน่า ขึ้นมา ยังไงพวกเขาก็ยังโหยหาการประสบความสำเร็จ และยังคงต้องการเป้าหมายในการทำอะไรซักอย่างในชีวิตอยู่นั่นเอง
ที่มา: The Wall Street Journal, Vice
