ศรีจันทร์ รุกธุรกิจ Health , Beauty & Wellness เตรียมเข้าตลาดหุ้นปี68

แป้งศรีจันทร์ ที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีเป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ซึ่งแบรนด์ศรีจันทร์ แบรนด์คนไทยที่อยู่คูวงการเครื่องสำอางนานกว่า 74 ปี โดยในยุคปัจจุบันของศรีจันทร์ มีคุณ รวิศ หาญอุตสาหะ เป็นแม่ทัพใหญ่ในฐานะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ซึ่งเป็นทายาททายาทรุ่นที่ 3  ของศรีจันทร์ ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนศรีจันทร์สู่โลกธุรกิจในยุคดิจิทัลมากขึ้น

คอนเทนต์แนะนำ

เปิดใจ น้องเฟิร์น นิสิตคณะเภสัชศาสตร์ ผู้ชนะเลิศออกแบบโลโก้ "หมูเด้ง"

"ใหม่ ดาวิกา" ไม่ทน! ฟ้องคนด่าแรง เอาเงินมาช่วยเหลือสัตว์

ตำนาน นางนพมาศ จากพิธี "จองเปรียง" สมัยสุโขทัย สู่ประเพณี "ลอยกระทง"

เตรียมรุกธุรกิจ  Health , Beauty & Wellness

ล่าสุด คุณรวิศ  ระบุว่า ยอดขายศรีจันทร์ในปัจจุบันโตขึ้นต่อเนื่องกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท แม้จะเป็นตัวเลขที่เติบโตที่ค่อนข้างสูง แต่จากการแข่งขันในวงการเครื่องสำอางไทยที่มีแบรนด์ใหม่ ๆ ออกมาต่อเนื่อง ทำให้เรามองหาธุรกิจอื่น ๆ มาเสริมความเข้มแข็งของบริษัทให้เดินหน้าอย่างมั่นคง  เพราะการพึ่งพารายได้จากธุรกิจเพียงกลุ่มเดียว ไม่สามารถตอบโจทย์บริบทธุรกิจในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนได้

ดังนั้น จึงพร้อมที่จะรุกไปสู่ธุรกิจ Health, Beauty & Wellness เนื่องจากเทรนด์สุขภาพมาแรงมากขึ้น และมองว่าอนาคตคนจะใช้เงินกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยตอนนี้อยู่ระหว่างวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ คาดว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพตัวแรกออกมาทำตลาดภายในปีนี้ พร้อมกับวางเป้าหมายต้องการให้สัดส่วนรายได้จากกลุ่ม Health & Wellness อยู่ที่ 30% ส่วนเครื่องสำอาง และสกินแคร์อยู่ที่ 70% พร้อมตั้งเป้านำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2568 ด้วย

ผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี ของ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ดังนี้

ปี 2565 รายได้ 731 ล้านบาท กำไร 25.7 ล้านบาท

ปี 2564 รายได้ 510 ล้านบาท ขาดทุน 38.8 ล้านบาท

ปี 2563 รายได้ 433 ล้านบาท กำไร 6.3 ล้านบาท

คว้าใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก รับหน้าที่พรีเซนเตอร์

แม้จะแตกไลน์ธุรกิจใหม่ ๆ แต่เรายังคงยึดมั่นพัฒนาคุณภาพสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ดีอยู่แล้ว สามารถดีขึ้นได้อีก จึงเป็นที่มาของแคมเปญ SRICHAND Better Than Ever ดีกว่าที่เคย เปิดตัวสูตรใหม่ของ SRICHAND Super Coverage หรือที่รู้จักกันในชื่อแป้งสร้างผิว, รองพื้นสร้างผิว   ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโปรดักส์ที่เป็นที่ยอมรับในท้องตลาด แต่ในขณะเดียวกันเรามองว่าอยากพัฒนาตัวโปรดักส์ให้ดีกว่าที่เคย จึงปรับสูตรให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มส่วนผสมในกลุ่ม skincare benefit ช่วยปกป้องรังสี และแสงสีฟ้าจากมือถือ พร้อมปรับโทนสีใหม่ให้ครอบคลุมกับสีผิวของผู้ใช้ทุกคนโดยเลือกคุณใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก รับหน้าที่พรีเซนเตอร์เข้าสู่ปีที่ 4 ซึ่งเป็นการตอกย้ำคุณภาพของแบรนด์ศรีจันทร์ที่พรีเซนเตอร์มั่นใจ

นอกจากนี้ เรายังเปิดตัวพรีเซนเตอร์ชายคู่แรก คุณมาย-ภาคภูมิ และ   คุณอาโป-ณัฐวิญญ์ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ มีมุมมองทางความคิดที่เปิดกว้างและพร้อมที่จะดูดีในแบบผู้ชาย ซึ่งสะท้อนผ่านภาพลักษณ์ของแบรนด์ศรีจันทร์ ที่ไม่จำกัดเฉพาะเพศหญิงอีกต่อไป และพร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำแห่งวงการเครื่องสำอางไทย

รุกตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์

นอกจากแคมเปญที่สร้างสีสันให้กับวงการเครื่องสำอางไทยอย่างการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ทั้ง 3 ท่านแล้ว ศรีจันทร์ก็รุกกลยุทธ์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ตามกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน เพื่อดึงให้แบรนด์ศรีจันทร์เป็น Top of Mind ในใจของลูกค้า เป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารักและแนะนำบอกต่อ อาทิ ลูกค้าสั่งแป้งทางออนไลน์ เมื่อไปถึงผู้รับ สินค้าเสียหาย ทางเรารับเคลมหมดทุกกรณี แต่อาจมีบ้างที่จะขอรูปถ่ายหรือขอตัวอย่างกลับ เพื่อมาหาข้อผิดพลาดและปรับปรุง หากสินค้าในล็อตนั้นถูกเคลมบ่อยครั้ง แต่ก็เป็นกรณีที่เกิดขึ้นน้อยมาก ซึ่งนี่เป็นตัวอย่างเล็กน้อยที่ทำให้เราเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าไว้วางใจที่จะกลับมาซื้อใหม่อยู่ข้างสม่ำเสมอ

“ในขณะเดียวกัน เรายังใส่ใจเรื่องความยั่งยืน ไม่ใช่แค่ในเชิงการผลิต การลด carbon footprint แต่เราใส่ใจไปถึงความยั่งยืนทั้งสิ่งแวดล้อมและพนักงานของเรา ศรีจันทร์มีสวัสดิการที่แตกต่างคือ พนักงานลาสมรสได้ทุกเพศโดยไม่จำเป็นต้องมีทะเบียนสมรส, พนักงานหญิงลาคลอดได้นานถึง 6 เดือนโดยได้รับเงินเดือน    เต็ม, พนักงานชายลาช่วยดูแลบุตรได้นาน 1 เดือนโดยได้รับเงินเดือนเต็มเช่นกัน, พนักงานที่เป็นกลุ่มเพศทางเลือก LGBTQ+ ลาผ่าตัดแปลงเพศได้ 1 เดือนโดยไม่นับเป็นวันลาป่วย, พนักงานทุกคนไม่ว่าเพศไหนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก สามารถลาร่วมงานทางศาสนาและลาพักใจได้สูงสุด 10 วัน ซึ่งเรามองว่า การใส่ใจบุคลากรในทุกช่วงเวลาสำคัญของชีวิตเขาเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้เขาเติบโตไปพร้อมกับองค์กรอย่างยั่งยืน”