ในช่วงปีที่ผ่านมา ‘เวียดนาม’ ประเทศเพื่อนบ้านของเรา ได้ขึ้นกลายเป็นประเทศดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การพัฒนาประชากร เศรษฐกิจ การลงทุนจากต่างชาติ และ การท่องเที่ยว ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าสำหรับประเทศไทยนั้น นี่อาจเป็นสิ่งที่น่ากลัว หากประเทศที่เริ่มต้นการพัฒนาพร้อมกัน แต่ทำไมดูเริ่มแซงหน้าเราไปแล้ว
ความสงสัยนี้ ก็คงเป็นเพียงแค่ความสงสัย หากเราไม่ได้มีโอกาสได้ไปสัมผัส พูดคุยกับคนเวียดนาม และเห็นด้วยตาของเราเอง นี่ก็เลยทำให้ทีม SPOTLIGHT ได้มีโอกาสไปเยือนเวียดนามเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา เพื่อไขข้อสงสัยโดยเฉพาะ ‘ภาคการท่องเที่ยว’
ซึ่งจากการไปเยือน ทีม SPOTLIGHT ได้เจอสิ่งที่น่าสนใจหลากหลายประการ ทั้งความเป็นมิตรของผู้คน การท่องเที่ยวที่มีความคล้ายคลึงกับประเทศไทยทั้งสภาพอากาศและแหล่งท่องเที่ยว แต่สิ่งสำคัญ คือ ‘เรื่องของราคา’ ค่าครองชีพถูกกว่าประเทศไทยมาก
แต่หนึ่งประเด็นที่ทีม SPOTLIGHT สงสัยและได้มีโอกาสพูดคุยกับทางไกด์ท้องถิ่น และ ผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของเวียดนาม อย่าง SUN WORLD GROUP คือ ‘เวียดนาม นั้นกลายเป็นบ้านหลังที่สองของชาวเกาหลีใต้’ คนเกาหลีนิยมมาเที่ยวเวียดนามมากและกลายเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวครองหนึ่งของเวียดนามมาอย่างยาวนาน อะไรคือสาเหตุ? แล้วทำไมคนเกาหลีใต้นิยมไปเที่ยวเวียดนามมากกว่ามาประเทศไทย ? บทความนี้ SPOTLIGHT ชวนทุกคนมาหาคำตอบ
จากการรายงานของ สื่อของเวียดนาม VN Express พบว่า ปี 2567 เวียดนามมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 17.58 ล้านคน เพิ่มขึ้น 39.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สร้างรายได้กว่า 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หนุน GDP 7% โดยชาวเกาหลีใต้ มาเยือนเวียดนามกว่า 4.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 27% เมื่อเทียบกับปี 2566
ในขณะที่ ประเทศไทยของเรา มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทย กว่า 35.54 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26.77% เมื่อเทียบปีก่อน และชาวเกาหลีใต้เป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 4 ด้วยจำนวน 1.8 ล้านคน
ซึ่งหากถ้าเราเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ ระหว่างเดินทางไปเวียดนาม และไทย จะเห็นได้เลยว่า ‘ชาวเกาหลีใต้เลือกไปท่องเที่ยวเวียดนามมากกว่าไทย’ คำถามคือ สาเหตุอะไรที่ทำให้ชาวเกาหลีเลือกไปท่องเที่ยวเวียดนามมากกว่าไทย
สำหรับชาวเกาหลีใต้ที่เดินทางไปท่องเที่ยวเวียดนาม ใช้เวลาเพียงแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้น ก็จะได้เจอกับสภาพอากาศที่มีตั้งแต่ร้อน ยันหนาว สถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายทั้งเมือง ภูเขา ทะเล หรือแม้การท่องเที่ยวแบบสวนสนุก ที่โด่งดังของเวียดนาม
เช่น BA NA Hill หมู่บ้านฝรั่งเศสจำลอง ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขา ณ เมืองดานัง ส่วนใครที่เป็นสายกิน เวียดนามก็มีอาหารหลากหลาย ตั้งแต่ อาหารพื้นบ้านขึ้นชื่อ อาหารนานาชาติ และอาหารทะเละที่สดอร่อยถูกปาก และหากใครอยากซื้อของ เวียดนามก็มีร้านค้าตั้งแต่แบรนด์เนมไปจนถึงร้านค้าในตลาดนัดที่ราคาถูกสบายกระเป๋า
นอกจากนี้ เที่ยวบินระหว่าง 2 ประเทศ ยังมีสายการบินที่ให้บริการมากกว่า 10 สายการบิน เช่น Korean Air, Asiana Airlines, Vietnam Airlines, Vietjet Air, Jeju Air หรือ Jin Air ที่มีไฟล์ทบินมากกว่า 80 ไฟล์ท/สัปดาห์
เป็นที่รู้กันว่า ‘เวียดนาม’ และ ‘เกาหลีใต้’ เป็นประเทศแห่งนักดื่มกาแฟ เวียดนาม โด่งดังจากการเป็นแหล่งเพาะปลูกและส่งออกกาแฟประเภท Robusta ที่สำคัญของโลก สำหรับประเทศที่ปลูกกาแฟประเภท Robusta โดยเวียดนามได้ส่งออกกาแฟมากเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยส่งออกกาแฟไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 8.3% ในตลาดโลก
ส่วนเกาหลีใต้ แม้ไม่เป็นเป็นประเทศเพาะปลูกและส่งออกกาแฟ แต่ก็ม่ฎิเสธไม่ได้ว่าชาวเกาหลีใต้ คือนักดื่มกาแฟตัวยง และเป็นประเทศผู้บริโภคเบอร์ต้นๆของโลก
จากการรายงานของสื่อเกาหลีใต้ ที่ได้ทำการสำรวจการบริโภคกาแฟของชาวเกาหลีใต้ พบว่า คนเกาหลีใต้ดื่มกาแฟมากกว่า 367 แก้ว/ปี ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยจากทั่วโลกถึง 2 เท่า และเฉลี่ยมีร้านกาแฟอยู่ที่ 1,384 แห่งต่อประชากรหนึ่งล้านคน
สำหรับชาวเกาหลีใต้ ดื่มกาแฟเนื่องจาก เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำงานหนัก ทำให้เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนทำให้ร่างกายกระปรี้ประเปร่าพร้อมในการทำงาน จึงเป็นเครื่องดื่มที่ขายดีและได้รับความนิยม โดยชาวเกาหลีใต้นิยมดื่มกาแฟธรรมดาอย่าง เอสเพรสโซซ็อต ผสมน้ำและใส่น้ำแข็ง
ส่วนชาวเวียดนาม นิยมดื่มกาแฟวันละหลายแก้ว ในทุกๆ โอกาสของวัน ก่อนไปทำงาน พักกลางวัน แม้กระทั่งในช่วงหัวค่ำ ร้านกาแฟริมทางจะแน่นขนัดไปด้วยผู้คน และมองว่ากาแฟ คือ วัฒนธรรมของพวกเขา เพราะชาวเวียดนามมักจะนัดพบเพื่อนๆครอบครัวตามร้านกาแฟ เพื่อดื่มกาแฟและพูดคุยกัน ส่วนกาแฟที่ฮิตคือ กาแฟไข่ ที่ทำจากไข่แดง น้ำตาล นมข้น และกาแฟโรบัสตา
นี่เลยเป็นเหตุผล ที่ ‘กาแฟ’ กลายเป็นวัฒนธรรมร่วม ดึงดูดให้ชาวเกาหลีมาเที่ยว มาดื่มกาแฟใหม่ๆแบบไม่ต้องสงสัย
รัฐบาลเวียดนาม ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยว ผ่านนโยบายฟรีวีซ่า โดยชาวเกาหลีใต้ สามารถเดินทางเวียดนามโดยไม่ต้องขอวีซ่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2547 และสามารถอยู่ได้นานถึง 45 วัน โดยนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้กว่า 21 ปี นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ก็ได้เดินทางเข้าเวียดนามเพิ่มขึ้นทุกปี
ปี 2567 : จำนวนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ 4.5 ล้านคน
ปี 2566 : จำนวนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ 3.5 ล้านคน
ไกด์ท้องถิ่น ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า บริษัทเกาหลีใต้ ได้เข้ามาลงทุนที่เวียดนามเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติเกาหลีใต้ทั้งนั้น ทั้งสายอิเล็กทรอนิกส์, พลังงาน, รถยนต์, การบินและอวกาศ, อสังหาริมทรัพย์ หรือบริษัทการเงินและธนาคาร ไม่ว่าจะเป็น Samsung, LG, Lotte, Huyndai, CJ, Daewon, Kwang Vin, Kwang Vina, Jaeill, Namyang International, Boramtek สร้างเม็ดเงินมากกว่า 70.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และสามารถสร้างงานสร้างอาชีพ พัฒนาทักษะแรงงานคุณภาพให้แก่ชาวเวียดนาม
ซึ่งไกด์ได้เล่าว่า รัฐบาลเวียดนามได้พยายามอย่างมากในการพัฒนาประเทศประเทศให้พร้อม ทั้งทักษะแรงงาน และความรู้ของประชากรให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นสายเทคโนโลยี หรือ AI เพื่อตอบสนองความต้องการแรงงานที่มีสกิลและความรู้ โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ที่ได้เข้ามาลงทุน
และแน่นอนว่าบริษัทเกาหลีใต้ จะต้องนำพนักงานที่มีทักษะของเขามาสอนให้แก่พนักงานชาวเวียดนาม และครอบครัวของชาวเกาหลีใต้ ก็มักบินมาเยี่ยมญาติพี่น้องของพวกเขาที่ได้ทำงานที่เวียดนาม
ทั้งหมดนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เวียดนาม กลายเป็นประเทศที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ได้สำเร็จ และกลายเป็นบ้านหลังที่สองของชาวเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 รัฐบาลเวียดนามได้ตั้งเป้าต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 22-23 ล้านคน ในขณะที่ประเทศไทยตั้งเป้า 40 ล้านคน ซึ่งเรายังคงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ว่าทิศทางในอนาคตของเวียดนามจะเป็นอย่างไร รัฐบาลมีแผนอะไรในการดึงดูดต่างชาติ ทั้งการท่องเที่ยว และลงทุน
อ้างอิง : World Travel Tourism Council