DeepSeek เป็น AI ที่ทํางานคล้ายกับ Chat GPT, Gemini, Claude แต่มีการทํา Agentic AI ซึ่งเป็นการนํา AI ไปเชื่อมกับ AI อื่นและนํามาเป็นของตนเอง แตกต่างจาก AI สหรัฐฯ ที่เอาข้อมูลไปเรียนรู้และพัฒนาเอง ภาพนี้ทําให้ DeepSeek ใช้พลังงานการ และมีการประมวลผลที่น้อยและมีต้นทุนที่ถูกอยู่ที่ 5.6 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ในขณะที่เจ้าอื่นอย่าง Chat GPT, Gemini, Claude และอื่น ๆ ซึ่งเป็นระบบปิดนั้นใช้เงินมากกว่าร้อยล้านเหรียญสหรัฐในการเทรนโมเดลเหตุผลเสมือนมนุษย์ของ AI
เมื่อพูดถึง AI เรามักนึกถึงบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากสหรัฐอเมริกากันใช่ไหมครับ? แต่ตอนนี้ มีผู้ท้าชิงรายใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก และแน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นั้นก็คือพี่จีนของเรานั้นเอง ใช่ครับเรากําลังพูดถึง DeepSeek บริษัทสตาร์ตอัพ AI จากประเทศจีน
DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI จากจีน ได้เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์รุ่นล่าสุด “DeepSeek-R1” ซึ่งถูกยกให้เป็นคู่แข่งสำคัญของโมเดล AI “O1” จาก OpenAI บริษัทชั้นนำด้าน AI ของสหรัฐอเมริกา การเปิดตัวครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำศักยภาพของจีนในฐานะผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรม AI ระดับโลก แต่ยังสะท้อนถึงความเข้มข้นของการแข่งขันในวงการที่กำลังทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
DeepSeek คืออะไร?
DeepSeek เป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์จากประเทศจีนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2023 โดย Liang Wenfeng
(เหลียง เวินเฟิง) วัย 40 ปี เค้าเรียนจบด้าน AI จากมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงของจีน DeepSeek ได้รับการสนับสนุนจาก High-Flyer Hedge Fund ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์พื้นฐานและเปิดเผยโมเดลของตนเป็น open-sorce
ในเดือนพฤศจิกายน 2024 บริษัทได้เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการให้เหตุผลที่เรียกว่า DeepSeek-R1-Lite-Preview ซึ่งมีความสามารถในการทำงานที่ซับซ้อน เช่น การคํานวนทางคณิตศาสตร์และการเขียนโค้ด โดยว่ากันว่ามีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าโมเดล o1-preview ของ OpenAI เลยทีเดียว
ต่อมาในเดือนมกราคม 2025 DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดล DeepSeek-R1 ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกที่ทันสมัย โดยทีมนักวิจัยและวิศวกรชั้นนำของจีน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการให้เหตุผลที่ซับซ้อนและเป็นระบบมากขึ้น และให้คําอธิบายที่เข้าใจง่าย เหมือนการพูดคุยกับมนุษย์
โดย Deepseek เป็น AI ที่ทํางานคล้ายกับ Chat GPT, Gemini, Claude แต่มีการทํา Agentic AI ซึ่งเป็นการนํา AI ไปเชื่อมกับ AI อื่นและนํามาเป็นของตนเอง แตกต่างจากสหรัฐฯ ที่เอาข้อมูลไปเรียนรู้และพัฒนาเอง ภาพนี้ทําให้ DeepSeek ใช้พลังงานการ และมีการประมวลผลที่น้อยและมีต้นทุนที่ถูกอยู่ที่ 5.6 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ในขณะที่เจ้าอื่นอย่าง Chat GPT, Gemini, Claude และอื่น ๆ ซึ่งเป็นระบบปิดนั้นใช้เงินมากกว่าร้อยล้านเหรียญสหรัฐในการเทรนโมเดลเหตุผลเสมือนมนุษย์ของเอไอ
ด้วยความล้ำหน้าในการประมวลผลข้อมูลและการพัฒนาโมเดล AI ที่ใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้พวกเขาสามารถแข่งขันกับบริษัทใหญ่อย่าง OpenAI และ Google ได้ในหลายด้าน
แต่นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น! DeepSeek ยังสะท้อนถึงการที่จีนกำลังกลายเป็นผู้นำด้าน AI ในระดับโลก ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนและการลงทุนใน R&D อย่างมหาศาล
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าตลาด AI ทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การแข่งขันครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจ แต่ยังเป็นเรื่องของการสร้างอิทธิพลในอุตสาหกรรม AI อีกด้วย
คำถามสำคัญคือ DeepSeek นั้นจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเหนือบริษัทยักษ์ใหญ่ได้หรือไม่? หรือสิ่งนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่งบทสะท้อนของการแข่งขันและความแตกต่างด้านเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐ
DeepSeek ใช้วิธีการพัฒนาโดยใช้โมเดล Open Source
Nvidia ออกแถลงการณ์
โฆษกของ Nvidia บอกกับสื่ออย่าง CNBC เมื่อวานว่า การพัฒนาโมเดล R1 ของ DeepSeek นับเป็นความก้าวหน้าทาง AI ที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่าการเกิดขึ้นของบริษัทสตาร์ทอัพจีนแห่งนี้จะทำให้ราคาหุ้นของผู้ผลิตชิปลดลง 17% ในวันเดียวก็ตาม
“DeepSeek เป็นความก้าวหน้าทาง AI ที่ยอดเยี่ยมและเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการปรับขนาดเวลาการทดสอบ งานของ DeepSeek แสดงให้เห็นว่า การพัฒนา AI สามารถสร้างโมเดลใหม่ๆ ได้”
ผลกระทบต่อตลาดหุ้นเทคโนโลยี
หุ้นชิปร่วงหนักเมื่อวันจันทร์27 ม.ค.68
ผลกระทบจากความสำเร็จของ DeepSeek ลุกลามไปยังตลาดหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลกนักลงทุนเกิด Panic selling โดยทำให้ดัชนี Nasdaq ลดลง 3.1% และดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ฟิลาเดลเฟียลดลงถึง 9.2% หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ได้แก่:
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานที่เคยได้ประโยชน์จากความต้องการไฟฟ้าสำหรับศูนย์ข้อมูล AI ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดย Vistra Corp. ลดลง 28.3% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในดัชนี S&P 500 ตามด้วย Constellation Energy (-20.8%) และ NRG Energy (-13.2%)
มุมมองนักลงทุนต่อเหตุการณ์นี้ Daniel Morgan ผู้จัดการกองทุนอาวุโสจาก Synovus Trust Company ชี้ว่าตลาดตอบสนองเกินความเป็นจริง เนื่องจาก DeepSeek มุ่งเน้นการใช้งานบนอุปกรณ์พกพา ไม่ใช่ศูนย์ข้อมูลซึ่งเป็นตลาดหลักของ Nvidia เขามองว่านี่เป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นเทคโนโลยีคุณภาพดีในราคาที่ถูกลง
ความเคลื่อนไหวล่าสุดในอุตสาหกรรม AI เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศโครงการลงทุนภาคเอกชนมูลค่า 500 พันล้านเหรียญในโครงการ "Stargate" ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง OpenAI, Oracle และ SoftBank เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI
หุ้น Nvidia ซึ่งเพิ่มขึ้น 239% ในปี 2023 และ 171% ในปี 2024 ปิดตลาดล่าสุดที่ 118.42 ดอลลาร์ ลดลง 24.20 ดอลลาร์ หรือ 11.8% จากต้นปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงความผันผวนและการแข่งขันที่สูงที่ยังคงอยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในปัจจุบัน