ในยุคนี้ ใครต่อใครก็หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การกินอาหารคลีน หรือการดูแลสุขภาพเชิง Wellness ป้องกันมากกว่าการรักษา ส่งผลให้เทรนด์สุขภาพโตแรง ซึ่งคาดว่าอาจะมูลค่าตลาดทั่วโลกถึง 230 ล้านล้านบาทในปี 2568
และแน่นอนว่านี่คือช่องว่างทางการตลาดที่หลายธุรกิจต่างเข้ามาหาโอกาสสร้างรายได้จากเทรนด์สุขภาพนี้ ซึ่งหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ก็คือ ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ
บทความนี้ SPOTLIGHT จึงอยากพาทุกคน มาส่องธุรกิจ 3 ร้านสลัดชื่อดังในไทย ยืนหนึ่งสายเฮลตี้ อย่าง Salad Factory, โอ้กะจู๋ และ Jones Salad มาดูกันว่าร้านไหนขายดีที่สุด ?
ร้านอาหารสายเฮลตี้ เน้นความใส่ใจในเรื่องของคุณภาพอาหาร เหมือนกับทำให้คนในครอบครัวตัวเองทาน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบเกรดพรีเมียม จากแหล่งผลิตที่ตรวจสอบได้ว่าปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ ผ่านการปรุงในสไตล์โฮมเมดและความสร้างสรรค์ รวมถึงน้ำสลัดที่ทางร้านทำเองจนมีเมนูเพื่อสุขภาพถึงกว่า 200 เมนู ทั้งสลัด สเต็ก สปาเก็ตตี้ ข้าว และอื่นๆ ในราคาที่เข้าถึงง่ายและมีความหลากหลาย ให้เลือกรับประทานได้ทั้งครอบครัว
ปีที่ก่อตั้ง : 2555
จำนวนสาขา : 44 สาขา
สโลแกน : “ได้อร่อย ได้สุขภาพ”
ตัวอย่างเมนู :
ซีซาร์สลัดและเบคอน 160 บาท
สลัดปลาแซลมอนอินเดอะการ์เด้น 375 บาท
สปาเก็ตตี้คาโบนาราเบคอน 145 บาท
ปี 2564
รายได้ 256 ล้านบาท
กำไร –18 ล้านบาท
ปี 2565
รายได้ 439 ล้านบาท
กำไร 7 ล้านบาท
ปี 2566
รายได้ 593 ล้านบาท
กำไร 20 ล้านบาท
รู้หรือไม่! : จากธุรกิจครอบครัว ย่านเมืองทองธานี สู่แบรนด์ในเครือ CRG (เซ็นทรัล) โดยCRG ถือหุ้น 51%
ร้านอาหารสายเฮลตี้ชื่อดัง ขึ้นชื่อเรื่องสลัดจานโต เริ่มต้นจากปลูกผักสวนครัวทั่วไป และผักสลัดบางชนิด ผลผลิตที่ได้ก็จะนำไปประกอบอาหารรับประทานกันในครอบครัว ด้วยเหตุผลที่ว่า บริษัทฯ อยากให้คนในครอบครัวมีสุขภาพดีไม่อยากให้ครอบครัวได้รับสารพิษและสารเคมีตกค้าง จึงเป็นที่มาของสโลแกน “ปลูกผักเพราะรักแม่” และนำชื่อของผู้ร่วมก่อตั้ง “อู๋กะโจ้” มาเป็นชื่อแบรนด์ “โอ้กะจู๋” และเริ่มเปิดร้านอาหารสาขาสันทรายเป็นสาขาแรกในปี 2556
ปีก่อตั้ง : 2556
จำนวนสาขา : 41 สาขา
สโลแกน : “ปลูกผักเพราะรักแม่”
ตัวอย่างเมนู :
สลัดซีซาร์ ราคา 255 บาท
สลัดแซลมอนย่าง ราคา 355 บาท
สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ราคา 345 บาท
ปี 2564
รายได้ 803 ล้านบาท
ขาดทุน - 83 ล้านบาท
ปี 2565
รายได้ 1,215 ล้านบาท
กำไร 38 ล้านบาท
ปี 2566
รายได้ 1,717 ล้านบาท
กำไร 141 ล้านบาท
รู้หรือไม่ ! : จากร้านอาหารเล็กๆ10 ที่นั่ง ของกลุ่มเพื่อน 3 คน สู่การเจอเพื่อนคนที่ 4 อย่าง OR เเละจับมือกันใช้นามสกุลมหาชนเข้าตลาดหุ้นในปี 2568
นอกจากนี้ โอ้กะจู๋ ยังมีแบรนด์ในเครือที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2567 แต่ได้รับการตอบรับอย่างถล่มทลาย อย่างแบรนด์ Oh! Juice สมูททีสายสุขภาพ ซึ่งตอนนี้เปิดไปแล้วกว่า 15 สาขา และแบรนด์ Ohkajhu Wrap & Roll จำนวน 1 สาขาที่ ดิ เอมสเฟียร์
ร้านโจนส์สลัด ได้เปิดสาขาแรกเปิดปี 2556 เป็นร้านเล็กๆขนาด 12 ตรม. ที่ศูนย์อาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ด้วยความตั้งใจที่อยากให้คนไทย “ได้กินผัก ปลอดสารพิษ วันละชาม” อย่างไรก็ตามการทำธุรกิจในช่วงแรกก็เกิดปัญหาหลายอย่าง เราถูกบีบให้ออกจากพื้นที่ และต้องปิดกิจการร้านโจนส์สลัดสาขาแรกไปในช่วงปี 2558 แม้ว่าร้านจะถูกปิดอย่างกระทันหัน แต่ทีมงานทุกคนยังมีความฝันร่วมกันว่าอยากจะสร้างโจนส์สลัดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ด้วยภาระที่เยอะและเงินทุนที่จำกัด จึงจำเป็น "ต้องทำการตลาดแบบไม่ใช้เงิน” จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เราสร้างคาแร็กเตอร์ “ลุงโจนส์” ขึ้นมา และเกิดเป็น สื่อให้ความรู้ด้านสุขภาพทางออนไลน์ (เพจ Jones Salad) โดยปัจจุบันมีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน
ปีที่ก่อตั้ง : 2556
จำนวนสาขา : 33 สาขา
สโลแกน “อร่อยจากธรรมชาติ สัมผัสได้ทุกคำ”
ตัวอย่างเมนู :
สลัดคลาสสิกซีซาร์ 149 บาท
สลัดแซลม่อนย่าง 329 บาท
สปาเก็ตตี้ คาร์โบนาราเบคอน 189 บาท
ปี 2564
รายได้ 133 ล้านบาท
ขาดทุน -1 ล้านบาท
ปี 2565
รายได้ 254 ล้านบาท
ขาดทุน -10 ล้านบาท
ปี 2566
รายได้ 355 ล้านบาท
กำไร 11 ล้านบาท
รู้หรือไม่! : ร้านเล็กๆที่เคยปิดกิจการในปี 2015 กลับมาอีกครั้งด้วยเงินทุนจำกัด เลยต้องทำ “การตลาดแบบไม่ใช่เงิน”
ที่มา : Salad Factory, โอ้กะจู๋, Jones Salad, Creden data