โมโน เน็กซ์ กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ หลังผลการดำเนินงานกลับไปขาดทุน 255 ล้านบาท แต่บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าปรับกลยุทธ์และโครงสร้างองค์กรอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด แต่งตั้ง "นวมินทร์ ประสพเนตร" ขึ้นรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 ทาง บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริษัท ดังนี้
นอกจากนี้ ยังมีมติอนุมัติแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจกรรมการผู้มีอานาจลงนามผูกพันบริษัทเป็นดังนี้: “นายนวมินทร์ ประสพเนตร และ นายบรรณสิทธิ์ รักวงษ์ ลงลายมือชื่อร่วมกัน และประทับตราสำคัญของบริษัท”
สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คงเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ใหม่ของโมโน เน็กซ์ ในการขับเคลื่อนนธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้การนำของ นายนวมินทร์ ผู้มากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมสื่อและเทคโนโลยี
รายการ | ปี 2566 | ปี 2565 | เพิ่ม(ลด) ปีต่อปี | ร้อยละ ปีต่อปี |
รายได้จากการให้บริการสื่อโฆษณา | 1,140.7 ล้านบาท | 1,450.8 ล้านบาท | (310.1) ล้านบาท | -21.40% |
รายได้จากการให้บริการคอนเท้นต์ | 700.1 ล้านบาท | 572.6 ล้านบาท | 127.5 ล้านบาท | 22.30% |
MONO/GIGATV | - | - | - | - |
รายได้ขายสินค้า (โฮมช้อปปิ้ง) | 30.2 ล้านบาท | 19.5 ล้านบาท | 10.7 ล้านบาท | 54.90% |
รายได้อื่น ๆ | 24.4 ล้านบาท | 48.3 ล้านบาท | (23.9) ล้านบาท | -49.50% |
รวมรายได้ | 1,895.4 ล้านบาท | 2,091.2 ล้านบาท | (195.8) ล้านบาท | -9.40% |
ต้นทุนขายและบริการ | 1,332.9 ล้านบาท | 1,493.4 ล้านบาท | (160.5) ล้านบาท | -10.70% |
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร | 500.2 ล้านบาท | 422.7 ล้านบาท | 77.5 ล้านบาท | 18.30% |
EBITDA | 965.3 ล้านบาท | 1,287.1 ล้านบาท | (321.8) ล้านบาท | -25.00% |
EBT | (62.4) ล้านบาท | 81.3 ล้านบาท | (143.7) ล้านบาท | -176.80% |
กำไร(ขาดทุน) สุทธิ | (255.1) ล้านบาท | 69.3 ล้านบาท | (324.4) ล้านบาท | -468.10% |
สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทฯ เผชิญกับอุปสรรคทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้รายได้จากสื่อโฆษณาปรับลดลง ประกอบกับภาวะดอกเบี้ยสูงและกำลังซื้อชะลอตัว ส่งผลให้ผลการดำเนินงานมี ขาดทุนสุทธิ 255.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 324.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 468.1 เมื่อเทียบกับปี 2565 กลุ่มบริษัทมีผลกำไรจากการดำเนินงานใน 2 ปีที่ผ่านมา แต่ในปี 2566 ล่าสุด มีผลขาดทุนจาก
การดำเนินงาน เนื่องจาก รายได้ สื่อโฆษณาปรับลดลงจากปัจจัยความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงภาวะดอกเบี้ยสูงและกำลังซื้อชะลอตัว โดยภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาของปีนี้ปรับลดลงจากปีก่อน ในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 บริษัทย่อยได้บันทึกปรับลดสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีเป็นค่าใช้จ่าย ภาษีเงินได้ จานวน 192.8 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับประมาณการณ์ที่คาดว่าจะได้รับจากสิทธิประโยชน์ ทางภาษี มีค่าใช้จ่ายจากการขายเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 จากการเปิดตัวภาพยนตร์ และซีรีส์ภายใต้ MONO ORIGINAL ทั้งหมดสี่เรื่อง จึงจำเป็นจะต้องสร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ให้ได้มากที่สุดในระยะแรก
อย่างไรก็ดี ในปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ เห็นการเติบโตของธุรกิจสตรีมมิ่ง MONOMAX มีแนวโน้มที่ดี ในการนำเสนอขายแพ็กเก็จแบบรายตอน (episode) ล่วงหน้าสำหรับซีรีส์ MONO ORIGINAL โดยสามารถสร้าง รายได้เพิ่มจากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวได้อีกร้อยละ 40 ของค่าบริการปกติ รวมทั้งได้เริ่มนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค และสามารถสนทนาแนะนำรายการให้กับผู้บริโภคได้อีกด้วย โดยกลุ่มบริษัทฯ มั่นใจในแผนงานการเติบโตด้านรายได้ของ MONOMAX ในอนาคตอย่างยั่งยืน
ผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี ของ บริษัท โมโน เน็กซ์ จากัด (มหาชน)
โมโน เน็กซ์ เริ่มต้นปี 2567 ด้วยการปรับโครงสร้างองค์กร มุ่งเน้นความคล่องตัวและประสิทธิภาพ โดยปรับลดจำนวนพนักงานในทุกส่วนงานให้เหมาะสม ปรับลดธุรกิจที่ไม่ทำกำไร ลดหน่วยงานที่ซ้ำซ้อน และใช้บริการบริษัทภายนอกที่มีความชำนาญแทน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายพนักงานลดลงประมาณ 11 ล้านบาทต่อเดือน หรือคิดเป็นร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับก่อนปรับโครงสร้าง
สำหรับแผนงานปี 2567 บริษัทยังคงให้ความสาคัญกับธุรกิจผลิตคอนเทนต์ผ่านช่องทางสื่อหลัก ธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่ง MONOMAX, ทีวีดิจิตอล MONO29, การขายลิขสิทธิ์ไปยังต่างประเทศ และบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทางาน
ด้านต้นทุนและค่าใช้จ่าย ในปี 2567 บริษัทปรับโครงสร้างองค์กร โดยการปรับลดจำนวนพนักงานในทุกส่วนงานให้มี ขนาดที่เหมาะสม ปรับลดขนาดธุรกิจในส่วนที่ไม่ทำกำไร ลดหน่วยงานที่ซ้ำซ้อน และมีการจ้าง บริษัทภายนอก (Outsource) ที่มีความชำนาญเข้ามาทดแทน ส่งผลให้ในปี 2567 มีค่าใช้จ่าย พนักงานปรับลดลง ประมาณ 11 ล้านบาทต่อเดือน หรือ ลดลงคิดเป็นร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับ ก่อนการปรับโครงสร้าง