ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV กลายเป็นหนึ่งใน อุตสาหกรรมดาวรุ่ง ที่มีผู้เล่นหลากหลายสัญชาติเข้ามาเล่นในตลาด ทั้งในฝั่งของแบรด์ผู้บุกเบิกตลาดรถEV สัญชาติอเมริกา อย่าง Tesla หรือแม้แต่ม้ามืดที่น่ากลัวอย่าง BYD เจ้าพ่อตลาดรถ EV ที่เป็นคู่แข่งตัวสำคัญของ Tesla
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตลาดโลกรถ EV ในปัจจุบัน ค่ายจีนสามารถครองสัดส่วนตลาดได้ครึ่งหนึ่งแล้ว และอาจเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าไปเป็น 33% ในปี 2030 ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ฝั่งตะวันตกเคยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 81% แต่ในปี2023 ลดลงเหลือ 58% จากสถิตินี้ดูเหมือนว่า รถ EV สัญชาติจีนจะกลายเป็นผู้ครองบัลลังค์ศึกแห่งรถ EV ในครั้งนี้ และสามารถทำให้แบรนด์จากค่ายตะวันตกสูญเสียส่วนแบ่งตลาดไปถึง 20%
สำหรับประเทศไทย พบว่า ปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในกลุ่มอาเซียน และหากเราไปดูถึงสัดส่วนค่ายรถ EV ที่ครองตลาดไทย เราจะพบว่ากว่า 80% เป็นค่ายจากประเทศจีน
ทำให้ค่ายรถยนต์ทั้งฝั่งจีนและชาติอื่นๆต่างออกกลยุทธ์ โปรโมชั่นต่างๆ เพื่อมัดใจผู้บริโภค และหนึ่งในนั้น คือการแข่งขันหั่นราคา
เปิดตัว 699,999 บาท เหลือ 659,900 บาท
เปิดตัว 1,099,900 เหลือ 899,900 บาท
เปิดตัว 1,325,000 เหลือ 1,199,000 บาท
หากเมื่อ 10 ปีก่อน เราอยากได้ รถสเปคจัดเต็ม หรูหราอย่าง เบาะหนังแท้ไฟฟ้า หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาดใหญ่ ฮอตสปอต Wi-Fi การเชื่อมต่อแอพ เครือข่ายรถยนต์ และอื่นๆ เราอาจจะต้องซื้อรถยนต์รุ่นไฮเอนด์แบรนด์ยุโรป ที่มีค่าตัวอย่างน้อยๆ 2 ล้านบาท แต่ปัจจุบันมาตรฐานเหล่านี้กลายมาเป็น มาตรฐานขั้นพื้นฐานของรถยนต์พลังงานใหม่ของจีนที่มีราคาเริ่มต้นประมาณ 100,000 หยวน หรือราว 518,072 บาท
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าหัวใจสำคัญของรถ EV คือแบตเตอรี่ ที่ทำหน้าที่เป็นขุมพลังในการจ่ายไฟให้ระบบขับขี่ ซึ่ง แบตเตอรี่ คิดเป็นต้นทุนถึง 40% ของต้นทุนรถ EV ทั้งคัน นั้นแปลว่า หากใครที่สามารถผลิตแบตเตอรี่ได้ ก็จะสามารถเป็นเจ้าตลาดแห่งรถEV ได้ในไม่ช้า
โดยจีนได้สร้างตัวเองขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกด้านการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า จากการขยายธุรกิจในต่างประเทศในตลาดวัตถุดิบลิเทียมทั่วโลก
ทำให้ในปัจจุบัน จีนมีกำลังการผลิตแบตเตอรี่ มากถึง 558,000,000 kWh โดยที่ปกติแล้ว รถ EV 1 คัน จะใช้ขนาดแบตเตอรี่เฉลี่ยที่ 60 kWh หมายความว่า จีนมีกำลังการผลิตแบตเตอรี่ สำหรับรองรับรถ EV ได้มากถึง 9.3 ล้านคัน/ปี เลยทีเดียว
รัฐบาลจีนได้ให้ความสำคัญ และสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างมาก โดยมีการสร้างแผนเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศตั้งแต่ปี 2552 และให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมนี้กว่า 200 พันล้านหยวน หรือราว 29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ผลิตรถในระยะแรก
ระยะแรกรัฐบาลจีนได้มีการสนับสนุนผลักดันรถ EV สาธารณะ หลายล้านคัน เช่นรถเมย์ และรถแท็กซี่ เพื่อให้ยานยนต์ไฟฟ้าได้เริ่มเข้าไปในชีวิตประจำวันทีละเล็กทีละน้อย และเมื่อผู้บริโภคเริ่มเห็นความสำคัญและคุณค่าของรถ EV เช่นการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และราคาประหยัด รัฐบาลจีนจีนจึงเริ่มสนับสุนมาตรการการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของคนจีนตามมา
ประเทศจีน ได้มีการพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญในการผลิต ไม่ว่าจะเป็น วัสดุพื้นฐาน เซลล์โมโนเมอร์ ระบบแบตเตอรี่ และอุปกรณ์การผลิต
ยกตัวอย่างเช่น โรงงานผลิตรถยนต์ของ SGMW ที่เมืองหลิ่วโจว” เขตฯ กว่างซี ที่ได้มีพัฒนาสายการผลิตแบบ Smart Island เป็นที่แรกของโลก
โดยโรงงานแห่งนี้มีหุ่นยนต์อุตสาหกรรม 250 ตัว รวมเป็นหนึ่ง “เกาะ” ประยุกต์ใช้หุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำด้วยเทคโนโลยี SLAM (Simultaneous Localization and Mapping) ระบบขนถ่าย EMS (Electrified Monorail System) และยานพาหนะ AGV (Automated Guided Vehicle) ขนส่งชิ้นส่วนรถยนต์ระหว่างแต่ละเกาะจนประกอบเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งคันให้เสร็จสิ้น การประกอบรถยนต์ด้วยวิธีดังกล่าวได้บูรณาการเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ระบบส่งสัญญาณ 5G ระบบการตรวจจับ อัจฉริยะ
ซึ่งการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร ทำให้สามารถ ลดตำแหน่งงานในกระบวนการผลิตได้ถึง 40 % และสามารถลดอัตราความผิดพลาดที่เกิดจากการประกอบชิ้นส่วนได้เป็นอย่างดี เช่น ความสมบูรณ์ของการประกอบแชสซีรถยนต์มีประสิทธิภาพสูงถึง 98 % อัตราการประกอบผิดพลาดต่ำเกือบเป็นศูนย์ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับกระบวนการผลิตได้ถึง 100%
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ประเทศจีนได้เปรียบในด้านต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพดี เทคโนโลยีขั้นสูง แต่มีราคาย่อมเยาได้ ส่งผลให้รถ EV ที่ผลิตในจีนมีการแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ผู้ผลิต EV ต่างชาติต้องปรับราคาเพื่อให้สอดคล้องกับการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดจีน การเน้นที่นวัตกรรม การประหยัดต้นทุน และการแข่งขันนี้ส่งผลให้ EV ของจีนมีความสามารถในการจ่ายได้อย่างน่าทึ่ง
อ้างอิง : DITP