อุตสาหกรรมเพชรกำลังเผชิญวิกฤตอย่างหนัก เมื่อเพชรที่ผลิตในห้องปฏิบัติการทำให้ราคาเพชรธรรมชาติลดลงอย่างต่อเนื่อง จากคำกล่าวที่ว่า "เพชรอยู่ตลอดไป" อาจไม่เป็นจริงอีกต่อไป! เมื่อผู้บริโภคจำนวนมากหันไปเลือกซื้อเพชรที่ผลิตในห้องปฏิบัติการ ทองคำ และอัญมณีสีอื่นๆ แทน
สโลแกน "A diamond is forever" (เพชรอยู่ตลอดไป) ถูกสร้างขึ้นโดย De Beers บริษัทผู้ผลิตเพชรรายใหญ่ในปี 1948 เพื่อสื่อถึงความมั่นคงและความโรแมนติก แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่ทุกความสัมพันธ์จะยืนยงผ่านกาลเวลา
Anglo American ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ De Beers มีแผนที่จะขายหุ้นของ De Beers ในขณะที่บริษัทกำลังปรับโครงสร้างธุรกิจ หลังจากปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการจาก BHP Duncan Wanblad ซีอีโอของ Anglo American กล่าวกับ Financial Times ว่าการขาย De Beers จะเป็น "ส่วนที่ยากที่สุด" ในการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของบริษัท
Paul Zimnisky นักวิเคราะห์อิสระในอุตสาหกรรมเพชร กล่าวว่า "เพชรไม่สอดคล้องกับทิศทางธุรกิจของ Anglo อีกต่อไปแล้ว แม้ว่า De Beers จะมีประวัติศาสตร์อันแข็งแกร่งภายใต้ Anglo" เขากล่าวกับ CNBC ว่า "ในท้ายที่สุด Anglo จะทำในสิ่งที่ผู้ถือหุ้นต้องการ และดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ระยะยาวของสินค้าโภคภัณฑ์ที่สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ทองแดง"
ความต้องการเพชรทั่วโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดผู้บริโภคที่สำคัญ โดยบริษัทวิจัยตลาด Daxue Consulting ระบุว่า อัตราการแต่งงานที่ลดลง รวมถึง ความนิยมทองคำและเพชรที่ผลิตในห้องปฏิบัติการที่เพิ่มขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ความต้องการเพชรในจีนลดลง นอกจากนี้ การสิ้นสุดมาตรการจำกัดการเดินทางช่วงโควิด-19 ยังทำให้ผู้บริโภคหันไปใช้จ่ายเงินกับการท่องเที่ยวแทนการซื้อสินค้าเพชร
ดัชนีราคาเพชรดิบของ Zimnisky แสดงให้เห็นว่า ราคาเพชรลดลง 5.7% ในปีนี้ และลดลงมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2022
ด้าน De Beers จากที่เคยผูกขาดตลาดเพชร แต่ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทได้ลดลง สภาวะเศรษฐกิจทำให้บริษัทต้องลดราคาเพชรลง 10% ในช่วงต้นปีนี้ ตามรายงานของ Bloomberg ที่อ้างแหล่งข่าว
Marcelo Esquivel หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของ Anglo American กล่าวกับ CNBC ว่า "ปีที่แล้วเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับอุตสาหกรรมเพชร เนื่องจากความท้าทายทางเศรษฐกิจ การชะลอตัวของการหมั้นหมายหลังโควิด และการเติบโตของอุปทานเพชรที่ผลิตในห้องปฏิบัติการ ล้วนส่งผลกระทบต่อความต้องการ" ด้าน Ankur Daga ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Angara บริษัทอีคอมเมิร์ซเครื่องประดับชั้นดี กล่าวว่า ความนิยมเพชรที่ผลิตในห้องปฏิบัติการก็มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ราคาเพชรธรรมชาติลดลง
"ปัญหาหลัก คือ การเติบโตอย่างรวดเร็วของเพชรที่ผลิตในห้องปฏิบัติการ" เขากล่าวเสริมว่าในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้บริโภคเพชรรายใหญ่ที่สุด ครึ่งหนึ่งของเพชรที่ใช้ในแหวนหมั้นในปีนี้จะเป็นเพชรที่ผลิตในห้องปฏิบัติการ เพิ่มขึ้นจากเพียง 2% ในปี 2018
เพชรที่ผลิตในห้องปฏิบัติการ ซึ่งมีราคาถูกกว่าเพชรธรรมชาติถึง 85% ถูกผลิตขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมโดยใช้ความดันและความร้อนสูง กระบวนการนี้จำลองการเกิดเพชรธรรมชาติที่อยู่ลึกลงไปในชั้นแมนเทิลของโลก ยอดขายเพชรที่ผลิตในห้องปฏิบัติการพุ่งสูงขึ้นจากเพียง 2% ของตลาดเครื่องประดับเพชรทั่วโลกในปี 2017 เป็น 18.4% ในปี 2023 ตามข้อมูลของ Zimnisky นอกจากนี้ Daga กล่าวว่า เหตุผลในการซื้อเพชรเพื่อการลงทุนก็ลดลง เพชรถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์และเครื่องป้องกันเงินเฟ้อในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา แต่เหตุผลในการลงทุนนั้นได้จางหายไปส่วนใหญ่เมื่อราคาลดลง
อุตฯ เพชรกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เนื่องจากราคาเพชรธรรมชาติลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสถานการณ์นี้คือความนิยมที่เพิ่มขึ้นของเพชรที่ผลิตในห้องปฏิบัติการ ซึ่งมีราคาถูกกว่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมบางรายคาดการณ์ว่าราคาเพชรธรรมชาติอาจลดลงอีก 15%-20% ในปีหน้า ขณะที่บางรายยังคงมองโลกในแง่ดี โดยเชื่อว่าอุตสาหกรรมสามารถฟื้นตัวได้หากมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและสร้างความต้องการเพชรธรรมชาติในหมู่ผู้บริโภค
โดยหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุด คือ การลดลงของอุปสงค์ในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดผู้บริโภคเพชรรายใหญ่ที่สุดของโลก ปัจจัยหลายอย่าง เช่น อัตราการแต่งงานที่ลดลง ความนิยมทองคำและเพชรสังเคราะห์ที่เพิ่มขึ้น และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคหลังจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ล้วนส่งผลกระทบต่อความต้องการเพชรในจีน
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อุตฯ เพชรจำเป็นต้องลงทุนในการทำการตลาดเชิงรุก เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความต้องการเพชรธรรมชาติในหมู่ผู้บริโภค นอกจากนี้ การร่วมมือกันระหว่างผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกเพชรรายใหญ่ เช่น De Beers และ Signet Jewelers อาจเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูอุตสาหกรรม
อนาคตของอุตฯ เพชรยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด ความท้าทายจากเพชรสังเคราะห์และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคกำลังทดสอบความสามารถในการปรับตัวของอุตสาหกรรมนี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความร่วมมือและกลยุทธ์ที่เหมาะสม เพชรธรรมชาติอาจยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์และคุณค่าของมันไว้ได้ในตลาดโลก
ที่มา cnbc