FromSoftware คือ ชื่อที่คุ้นเคยในวงการเกมยุคปัจจุบัน ด้วยผลงานเกมสุดท้าทายอย่าง Dark Souls, Bloodborne และ Elden Ring ที่ได้รับการยกย่องและประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ FromSoftware มีเส้นทางยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ ผ่านการลองผิดลองถูก พัฒนาเกมหลากหลายแนว ตั้งแต่ RPG ในตำนานยุค PlayStation อย่าง King's Field จนถึงเกมหุ่นยนต์ Armored Core ที่เป็นที่รักของแฟนๆ และเกมแอคชั่นสุดมันส์อย่าง Otogi
บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาคุณย้อนรอยเส้นทางกว่า 30 ปี ของ FromSoftware ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นในฐานะผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สำนักงาน สู่การบุกเบิกวงการเกมด้วย King's Field และการสร้างสรรค์เกมหลากหลายแนว ก่อนจะมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญกับ Demon's Souls และ Dark Souls ที่ทำให้ชื่อ FromSoftware เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก พร้อมกับการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเกมแนว Soulslike ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน
From Software เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน จากผลงานเกมที่ท้าทายและเป็นที่ชื่นชอบอย่าง Dark Souls, Demon's Souls, Bloodborne, SEKIRO และ ELDEN RING ซึ่งทำให้บริษัทก้าวขึ้นสู่ความเป็นดาวเด่นในอุตสาหกรรมเกม ความสำเร็จดังกล่าวยังนำไปสู่การเข้าซื้อกิจการ
โดย Kadokawa Corporation เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อขยายธุรกิจวิดีโอเกมของบริษัท ซึ่ง From Software มีประวัติศาสตร์ยาวนานก่อนที่จะมีชื่อเสียงจาก Demon's Souls พวกเขาเคยสร้างเกม PlayStation RPGs, เกมแนวลอบเร้นนินจา, เกมไขปริศนาธีมกระต่าย และเกมหุ่นยนต์ยักษ์อีกมากมาย แม้ว่าในปัจจุบัน Bloodborne จะเป็นที่รู้จักและเป็นภาพจำของ From Software แต่บริษัทยังมีผลงานอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย
FromSoftware, Inc. เป็นบริษัทพัฒนาและจัดจำหน่ายวิดีโอเกมของญี่ปุ่น ก่อตั้งโดย Naotoshi Zin ที่ตั้งอยู่ในชิบูยาในโตเกียวเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1986 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์สำนักงาน ซึ่งก็ดำเนินไปได้ด้วยดีอยู่หลายปี อย่างไรก็ตาม ในปี 1994 อุตสาหกรรมเกมได้เปลี่ยนแปลงไป แผ่น CD ได้เข้ามาแทนที่ตลับเกมในฐานะสื่อบันทึกข้อมูลที่มีต้นทุนต่ำกว่า และ PlayStation เครื่องเล่นเกมใหม่ของ Sony ก็ดึงดูดความสนใจจากนักพัฒนาซอฟต์แวร์หลายราย ในช่วงแรกที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่น PlayStation ยังไม่มีเกม RPG แต่ From Software ได้เปิดตัว King's Field เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น ซึ่งไม่ใช่ RPG แนวอนิเมะทั่วไป แต่เป็นเกมผจญภัยมุมมองบุคคลที่หนึ่งในดันเจี้ยน 3 มิติและดินแดนต้องคำสาป King's Field เป็นเกมตะลุยดันเจี้ยนในรูปแบบ 3D ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความยาก ซึ่งกลายเป็นแนวทางที่ From Software ยังคงยึดถือมาจนถึงปัจจุบัน
King's Field ภาคแรกไม่ได้วางจำหน่ายในอเมริกาเหนือ แต่ก็ประสบความสำเร็จพอที่จะทำให้ From Software พัฒนาภาคต่อ ในปี 1995 King's Field II ได้รับความสนใจจาก ASCIIware ผู้จัดจำหน่ายในอเมริกา ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น King's Field สำหรับการวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือ ในขณะที่ King's Field III ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น King's Field II ในอเมริกา ภาคต่อเหล่านี้นำเสนอการผจญภัยที่ซับซ้อนมากขึ้น พร้อมเรื่องราวและระบบการต่อสู้ที่ขยายใหญ่ขึ้น แต่ยังคงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ดินแดนที่ถูกสาป และอันตรายที่มักจะถึงแก่ชีวิตเช่นเดียวกับภาคแรก เกมเหล่านี้มีฐานแฟนคลับเล็กๆ ไม่ได้โด่งดังเท่า Final Fantasy VII หรือ RPG อื่น ๆ ที่ผลิตในญี่ปุ่น แต่ King's Field ก็มีคุณค่าในแนวทางที่ตรงไปตรงมาและความท้าทาย ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าปรัชญาการออกแบบของ From Software ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
From Software หันเหจาก King's Field หลังจากภาคที่สาม ในปี 1998 พวกเขาได้เปิดตัว Echo Night เกมผจญภัยมุมมองบุคคลที่หนึ่งเช่นเดียวกัน แต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผี ที่เน้นการสำรวจ การโต้ตอบกับตัวละคร และการไขปริศนา มากกว่าการต่อสู้โดยตรง Agetec ได้นำ Echo Night ภาคแรกมาจำหน่ายในอเมริกาเหนือ แต่ภาคต่อไม่ได้วางจำหน่ายในภูมิภาคนี้ From Software ไม่ได้กลับมาสู่ซีรีส์นี้อีกจนกระทั่ง Echo Night: Beyond ในปี 2004 ซึ่งนำธีมสยองขวัญไปสู่ฉากนิยายวิทยาศาสตร์บนดวงจันทร์
From Software ไม่เคยลืมจิตวิญญาณของ King's Field และ RPG ในยุคหลังของพวกเขาก็สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งนี้ Shadow Tower ที่วางจำหน่ายในปี 1998 บน PlayStation เป็นเกมที่คล้ายกับ King's Field ในรูปแบบการเล่นมุมมองบุคคลที่หนึ่งผ่านเขาวงกตที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด นักวิจารณ์บางคนวิจารณ์เกมนี้อย่างหนักเมื่อ Agetec นำมาจำหน่ายในปี 1999 แต่แฟนๆ King's Field หลายคนก็พอใจกับ Shadow Tower
เช่นเดียวกับที่พวกเขาทำในช่วงเปิดตัว PlayStation เครื่องแรก From Software ก็ได้เข้าสู่ยุค PlayStation 2 ตั้งแต่ช่วงแรกๆ Eternal Ring ซึ่งเป็นหนึ่งในสอง RPG ที่วางจำหน่ายในช่วงเปิดตัว มีความคล้ายคลึงกับ King's Field ไม่เพียงเพราะเป็นเรื่องราวการเดินทางของจอมเวทหนุ่มข้ามเกาะต้องคำสาป นอกจากการต่อสู้และการสำรวจแบบมุมมองบุคคลที่หนึ่ง Eternal Ring ยังมีระบบปรับแต่งที่แหวนสามารถมอบความสามารถใหม่ๆ ได้
อีกหนึ่ง RPG ในช่วงแรกของ PlayStation 2 จาก From Software คือ Evergrace ซึ่งเป็นการก้าวเข้าสู่ดินแดนใหม่สำหรับบริษัท เป็นเกม Action-RPG มุมมองบุคคลที่สาม คล้ายกับ The Legend of Zelda: Ocarina of Time, Alundra 2 หรือ Threads of Fate เนื้อเรื่องมีความซับซ้อนมากกว่า RPG ก่อนหน้าของ From Software แม้ว่าระบบ Palmira Action System จะคล้ายกับ Eternal Ring ในด้านการอัพเกรดที่ปรับแต่งได้
From Software ยังคงพัฒนา RPG ต่อเนื่องในช่วง PlayStation 2 Evergrace II (หรือ Forever Kingdom) และ King's Field IV ได้รับการแปลอย่างเป็นทางการ ในขณะที่ Shadow Tower: Abyss ได้รับการแปลโดยแฟนๆ ในอีกหลายปีต่อมา ในปี 2002 ซีรีส์ใหม่ Lost Kingdoms ได้นำ From Software มาสู่ GameCube เกมแรกนำเสนอระบบการต่อสู้ที่เล่นผ่านการ์ดทั้งหมด โดยตัวละครเอกจะวิ่งไปรอบๆ สนามรบและโจมตีตามการจัดเรียงสํารับไพ่ของตัวเอก และมีภาคต่อในปี 2003 โดยทั้งสองภาคได้วางจำหน่ายในตะวันตกเช่นกัน
RPG บางเกมของ From Software ไม่ประสบความสำเร็จ Evergrace และ Lost Kingdoms จบลงหลังจากมีสองภาค และมีเพียง King's Field และเกมที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โชคดีที่เกม RPG ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียวของ From
หลังจากประสบความสำเร็จในซีรีส์ King's Field ค่าย FromSoftware ได้หันมาสนใจแนวเกมอื่นๆ โดยในปี 1997 ได้เปิดตัว Armored Core ซึ่งหยิบยกเอาธีมหุ่นยนต์ต่อสู้ หรือ "เมก้า" ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดเกมญี่ปุ่นมาใช้ แม้ว่าจะไม่ใช่เกมแอคชั่นหุ่นยนต์ 3D เกมแรก หรือเกมแรกที่มีหุ่นยนต์ประกอบชิ้นส่วน แต่ Armored Core ได้ผสมผสานสองแนวคิดนี้เข้าด้วยกันอย่างลงตัวและหลากหลายกว่าเกมอื่นๆ ในยุคนั้น ตัวเกมนำเสนอสภาพแวดล้อม 3 มิติที่กว้างใหญ่และน่าประทับใจสำหรับเครื่อง PlayStation และยังมีชิ้นส่วนมากมายให้ผู้เล่นเลือกปรับแต่งหุ่นยนต์ของตัวเอง หรือที่เรียกว่า "Core"
Armored Core ได้รับการตอบรับอย่างดีจากแฟนๆ ในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักต่อโมเดล Gundam หรือกลุ่มผู้เล่นเกม RPG แนว Battletech และฐานแฟนคลับก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นด้วยภาคต่อบน PlayStation อย่าง Project Phantasma และ Master of Arena ความนิยมของเกมนี้ยังสะท้อนให้เห็นจากคอลัมน์ประจำในนิตยสาร Tips & Tricks ที่อุทิศให้กับ Armored Core โดยเฉพาะ ซึ่งมีแฟนๆ จำนวนมากส่ง Memory Card ของตัวเองไปให้ทางนิตยสาร เพื่อแสดงผลงานการสร้างหุ้น Armored Core ของพวกเขา
หลังจากนั้น เกมแนวหุ่นยนต์กลายมาเป็นจุดเด่นของ From Software แทนที่เกม RPG โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกม Armored Core ซึ่งยังคงพัฒนาต่อเนื่องมาถึง PlayStation 2 และเป็นหนึ่งในเกมแรก ๆ ที่ลงให้เครื่องนี้ โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือที่มีทั้ง Armored Core 2, Eternal Ring และ Evergrace ทำให้ From Software เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้เล่น PS2 แม้ว่าจะไม่คุ้นชื่อก็ตาม แฟน ๆ ของ Armored Core ก็ยังคงติดตามเกมนี้มาตลอด ตั้งแต่ภาค Another Age ของภาค 2 จนถึง Verdict Day นอกจาก Armored Core แล้ว From Software ยังทดลองทำเกมหุ่นยนต์อื่น ๆ ด้วย เริ่มจาก Frame Gride เกมต่อสู้แนวแฟนตาซีบน Dreamcast ซึ่งผู้เล่นสามารถปรับแต่งหุ่นได้คล้ายกับ Armored Core แต่เกมนี้ไม่ได้วางขายนอกญี่ปุ่น
ต่อมาในปี 2002 From Software ทำเกม Murakumo: Armored Mech Pursuit ลง Xbox ถือเป็นหนึ่งในเกมหุ่นยนต์ที่แย่ที่สุดของค่าย แต่ Chromehounds ในปี 2006 ได้รับการตอบรับที่ดีกว่า ด้วยระบบปรับแต่งหุ่นที่หลากหลายและโหมดออนไลน์ สำหรับเกมหุ่นยนต์ที่โด่งดังที่สุดของ From Software ใน Xbox ในเวลานั้นอาจจะเป็น Metal Wolf Chaos ที่ต่างจาก Armored Core ตรงที่มีเนื้อเรื่องตลกโปกฮา ว่าด้วยประธานาธิบดีสหรัฐที่ต้องขับหุ่นยนต์รบเพื่อปราบกบฏ แม้ว่าเสียงพากย์จะเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็ไม่มีผู้จัดจำหน่ายในสหรัฐฯ สนใจ ทำให้เกมนี้กลายเป็นหนึ่งในเกมที่น่าสนใจแต่ไม่ได้วางขายทั่วโลก
From Software ยังได้ร่วมงานกับอนิเมะหุ่นยนต์ชื่อดังในซีรีส์ Another Century Episode บน PlayStation 2 และ PSP ที่รวบรวมหุ่นยนต์จาก Gundam, Macross, Code Geass, Full Metal Panic! และ Armored Core ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่า Spriggan: Lunar Verse ผลงานเกมแนวหุ่นยนต์จากอนิเมะเรื่องแรกของ From Software ที่ทำออกมาได้ไม่ดีนัก
การมาถึงของ Armored Core ทำให้ From Software มักทำเกมแอ็คชั่นที่เกี่ยวกับหุ่นยนต์เป็นตัวชูโรง แต่เกม Otogi: Myth of Demons ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่หลากหลายของค่าย โดยได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตของ มินาโมโตะ โนะ โยริมิตสึ เกมนี้จะพาคุณไปผจญภัยในโลกปีศาจกับไรโค มือสังหารแห่งราชสำนัก จุดเด่นของเกม Otogi คือสภาพแวดล้อมที่อลังการและส่วนใหญ่สามารถทำลายได้ รวมถึงท่วงท่าการต่อสู้ที่หลากหลาย ทำให้มันแตกต่างจากเกมอื่น ๆ บน Xbox ในตอนนั้น Otogi 2: Immortal Warriors ก็มาพร้อมกับตัวละครที่เลือกเล่นได้มากขึ้นและภาพที่สวยงามขึ้น ถึงแม้ว่าทั้งสองเกมจะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่ากับ Ninja Gaiden ของ Tecmo หรือ Devil May Cry ของ Capcom ในช่วงยุค Xbox แต่ในปัจจุบันนี้ Otogi ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเกมแอ็คชั่นที่ดีที่สุดในยุคนั้น
From Software ยังคงเดินหน้าพัฒนาเกมที่ไม่ใช่ภาคต่อออกมาเรื่อยๆ เช่น Ninja Blade บน Xbox 360 ที่พยายามจะสู้กับ Ninja Gaiden ของ Tecmo ในเรื่องความนิยม หรือ The Adventures of Cookie & Cream เกมบน PlayStation 2 ที่ให้ผู้เล่นบังคับกระต่ายสองตัวด้วยจอยเดียว ซึ่งภายหลังถูกนำมาทำใหม่ลงเครื่อง DS หรือ Enchanted Arms ที่ From Software ตั้งใจจะให้เป็นเกมแนว Final Fantasy ที่อลังการ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
สำหรับซีรีส์เกมนินจาอย่าง Tenchu นั้น เดิมที From Software ไม่ได้เป็นผู้พัฒนาหลัก เกมภาคสำคัญๆ ส่วนใหญ่มาจาก K2 LLC และ Acquire แต่ From ก็มีส่วนร่วมในการพัฒนา Shadow Assault: Tenchu, Time of the Assassins, และ Shadow Assassins เวอร์ชั่น PSP ถึงแม้จะยุ่งอยู่กับโปรเจกต์ที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่ From ก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นต่อไป เพราะความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขากำลังจะมาถึงในไม่ช้า
FromSoftware ได้ทำการแตกหุ้นในปี 2008 ก่อนที่จะประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงปี 2010 ด้วยการเปิดตัว Demon’s Souls ที่สร้างสรรค์โดย Hidetaka Miyazaki ที่ตอนแรกอาจดูไม่สวยงามเมื่อเทียบกับเกม PlayStation 3 อื่น ๆ ในปี 2009 ด้วยฉากหลังเป็นอาณาจักร Boletaria ที่เสื่อมโทรม ผู้เล่นเริ่มต้นการเดินทางบนเส้นทางหินที่จืดชืดและห้องโถงปราสาทที่ดูอึมครึม แต่จุดเด่นของเกมอยู่ที่ระบบการต่อสู้ที่ซับซ้อนและบรรยากาศน่ากลัวที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แฟน ๆ ชื่นชมที่เกมสามารถทำให้ผู้เล่นตายได้ทั้งจากการโจมตีที่คาดเดาได้และเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่ Demon’s Souls ไม่ได้มีดีแค่ความยาก มันยังน่าหลงใหลอย่างน่ากลัว หลังจากตาย ผู้เล่นจะกลายเป็นวิญญาณและพยายามกลับไปยังจุดที่ตาย ความน่าขนลุกยังเกิดขึ้นในโหมดผู้เล่นหลายคน ผู้เล่นสามารถเห็นข้อความและคราบเลือดที่นักผจญภัยคนอื่นทิ้งไว้ รวมถึงบุกเข้าไปในเกมของคนอื่นเพื่อขโมยวีญญาณอันมีค่าของพวกเขาได้
ในตอนแรกหลายคนไม่ได้สังเกตเห็น Demon’s Souls Sony เป็นผู้จัดจำหน่ายในญี่ปุ่น แต่ไม่มีผู้จัดจำหน่ายตะวันตกสนใจ จนกระทั่ง Atlus ตัดสินใจเสี่ยง เกมได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจน Bandai Namco เข้ามาจัดจำหน่ายในยุโรปและออสเตรเลีย และเมื่อภาคต่อของเกมมาถึง ก็ไม่ยากที่จะหาผู้จัดจำหน่ายในอเมริกาเหนือ
Dark Souls สะท้อนสิ่งที่ทำให้ Demon’s Souls โดดเด่น ผู้เล่นสำรวจดินแดนอันหดหู่ที่เต็มไปด้วยอันตรายถึงชีวิต และมีกองไฟเป็นที่พักและฟื้นฟู พัฒนาการจากภาคก่อนหน้า คือ ระบบ Hollow ที่ตัวละครสามารถเปลี่ยนจากมนุษย์เป็น Hollow ซึ่งแต่ละรูปแบบมีข้อดีต่างกัน Dark Souls II ปรับปรุงระบบ Hollow ทำให้เกมสมจริงยิ่งขึ้นด้วยฟิสิกส์ที่สมจริง และยังคงมอบประสบการณ์ที่ตึงเครียดและคุ้มค่า
ไตรภาคที่ไม่ปะติดปะต่อนี้ได้รับการยกย่องในด้านการออกแบบที่รอบคอบและความตื่นเต้นที่ผู้เล่นสร้างขึ้น แต่ชุมชนรอบ ๆ เกมต่างหากที่ช่วยให้เกมประสบความสำเร็จมากที่สุด แต่ละเกมมีกลุ่มผู้ติดตาม นัก Mod และแฟน ๆ เป็นของตัวเอง ตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอาจเป็นเครือข่ายผู้เล่นหลายคนของ Demon’s Souls ในอเมริกาเหนือ Atlus วางแผนที่จะปิดเซิร์ฟเวอร์ในเดือนตุลาคม 2011 เว้นแต่กิจกรรมของผู้เล่นจะดีพอ แต่เซิร์ฟเวอร์ก็ยังออนไลน์อยู่จนถึงทุกวันนี้
การมาถึงของซีรีส์ Bloodborne สะท้อนถึงสภาพแวดล้อมที่อึมครึมและความสิ้นหวังใกล้เคียงกับ Souls ในภาคก่อน ๆ แต่เพิ่มอาวุธปืนและบรรยากาศแบบกอทิกให้กับเมืองที่ล่มสลาย ความสำเร็จครั้งใหม่ของ From Software เห็นได้ชัดจากการที่ Sony ให้ความสำคัญกับ Bloodborne จนถึงขั้นทำให้เป็นเกม exclusive สำหรับ PlayStation 4 และเมื่อมันออกวางจำหนายก็ได้รับการตอบรับที่ดี และยอดขายที่สวยงามในระดับหนึ่ง
จนการมาถึงของ Dark Souls III ในปี 2016 เป็นภาคต่อล่าสุดในซีรีส์เกม Dark Souls ซีรีส์นี้ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางจากนักวิจารณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของระดับความยากที่ท้าทาย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด ในขณะที่ Dark Souls ภาคแรกมักได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในวิดีโอเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ภายในปี 2023 ซีรีส์มียอดจำหน่ายรวมกว่า 35 ล้านชุดทั่วโลก (ไม่รวมประเทศญี่ปุ่น) จนการมาถึงของ Sekiro: Shadows Die Twice, Armored Core VI และ สุดยอดเกม Elden Ring ที่เกมมีองค์ประกอบและข้อดีหลากหลายอย่างสู่การกำเนิดสุดยอดเกม Soulslike ที่ดีที่สุดในเวลานี้ การันตีด้วยรางวัลมากมาย และยอดขายกว่า 25 ล้านชุด ถือเป็นยอดขายที่สูงของค่ายและใช่เวลาไม่ถึง 2 ปี ทำให้ Elden Ring กลายเป็นหนึ่งในซีรีส์เกมที่ขายดีที่สุดเท่าที่ From Software เคยทำมา
*หมายเหตุ: Demon's Souls (2020) เป็นเวอร์ชันรีเมคสำหรับ PlayStation 5
นอกจากนี้ในเดือนเมษายน 2014 Kadokawa Corporation ประกาศความตั้งใจที่จะซื้อบริษัทจากผู้ถือหุ้นเดิม Transcosmos หลังจากการปรับโครงสร้าง ผู้สร้าง Souls Hidetaka Miyazaki ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นประธานบริษัทในเดือนถัดไปและต่อมาได้รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ในเดือนมกราคม 2016 FromSoftware ได้ก่อตั้งสตูดิโอใน Fukuoka ที่เน้นการสร้าง Computer-Generated Imagery (CGI) สำหรับเกมของพวกเขา ในเดือนสิงหาคม 2022 Sixjoy Hong Kong (บริษัทในเครือ Tencent) และ Sony Interactive Entertainment ได้เข้าซื้อหุ้น FromSoftware 16.25% และ 14.09% ตามลำดับ ทำให้ Kadokawa เหลือ 69.66% รายงานที่เผยแพร่โดย GamesIndustry.biz
FromSoftware คือ บทพิสูจน์ของความสำเร็จที่เกิดจากความมุ่งมั่นและการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง พวกเขาเริ่มต้นจากผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ธรรมดา สู่การเป็นผู้สร้างตำนานเกมระดับโลก ด้วยผลงานที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เล่นและนักพัฒนาทั่วโลก เส้นทางกว่า 30 ปีของ FromSoftware เป็นเครื่องเตือนใจว่า ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่มาจากการเรียนรู้ ทดลอง และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และด้วยอนาคตที่สดใสภายใต้การดูแลของ Kadokawa Corporation เราเชื่อว่า FromSoftware จะยังคงสร้างสรรค์ผลงานที่น่าตื่นเต้นและท้าทายให้กับวงการเกมต่อไป
ที่มา fromsoftware ign, reddit และ wikipedia