วงการเกมและอนิเมะทั่วโลกกำลังจับตามอง! เมื่อมีข่าวลือสะพัดว่า Sony ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีและบันเทิง กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ Kadokawa บริษัทสื่อเจ้าของเกมดัง Elden Ring และ IP ชื่อดังอีกมากมาย ดีลนี้จะเป็นจริงหรือไม่? และจะส่งผลกระทบอย่างไรต่ออุตสาหกรรมบันเทิง?
แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ ระบุว่า Sony Group Corporation (6758.T) กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ Kadokawa Corporation (9468.T) บริษัทสื่อและบันเทิงชั้นนำของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ถือครองลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ เกม “Elden Ring”
การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ของ Sony ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจบันเทิง โดยมุ่งหวังที่จะผนวกเอาศักยภาพของ Kadokawa ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่เกม อนิเมะ ไปจนถึงสื่อสิ่งพิมพ์ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินอยู่ และคาดว่าอาจบรรลุข้อตกลงได้ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้
ทั้งนี้ หลังจากมีการเผยแพร่ข่าว ราคาหุ้นของ Kadokawa ปรับตัวสูงขึ้นถึง 23% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่อนุญาตให้ซื้อขายได้ในแต่ละวัน โดยก่อนหน้าที่จะมีรายงานข่าว มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ Kadokawa อยู่ที่ประมาณ 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ราคาหุ้นของ Sony ปรับตัวสูงขึ้น 0.6%
แม้จะตกเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง แต่ทั้ง Sony และ Kadokawa ต่างก็ยังคงรักษาท่าที โดยปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อกระแสข่าวลือดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เป็นที่รับทราบโดยทั่วกันว่า Sony เป็นผู้ถือหุ้นใน Kadokawa อยู่แล้วในสัดส่วน 2% และยังมีพอร์ตการลงทุนใน FromSoftware ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Kadokawa และเป็นผู้พัฒนาเกมแอ็กชัน RPG ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง คือ “Elden Ring”
เกมดังกล่าว เกิดจากความร่วมมือระหว่าง ฮิเดทากะ มิยาซากิ ผู้กำกับเกมผู้คร่ำหวอดในวงการ และ จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน นักเขียนนวนิยายแฟนตาซีชื่อก้องโลก ผู้ฝากผลงานไว้ใน “Game of Thrones” “Elden Ring” นำพาผู้เล่นสู่โลกแฟนตาซีอันซับซ้อน ซึ่งต้องต่อกรกับศัตรูที่ทรงพลัง และออกเดินทางเพื่อฟื้นฟู Elden Ring
ด้วยเสียงตอบรับเชิงบวกจากนักวิจารณ์ ประกอบกับยอดจำหน่ายทั่วโลกที่สูงถึง 25 ล้านชุด “Elden Ring” จึงได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในความสำเร็จอันโดดเด่นของอุตสาหกรรมเกม โดยเปิดให้เล่นบนแพลตฟอร์มหลากหลาย รวมถึง PlayStation ของ Sony ยิ่งไปกว่านั้น ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื้อหาเสริม “Shadow of the Erdtree” ยังสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 5 ล้านชุด ภายในระยะเวลาเพียง 3 วันหลังจากการเปิดตัว
Kadokawa ก่อตั้งขึ้นในฐานะสำนักพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2488 แต่ปัจจุบัน ได้ขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจครอบคลุมไปยัง เกม อนิเมะ การจัดงาน และสินค้าที่ระลึก โดยมีทรัพย์สินทางปัญญาภายใต้แฟรนไชส์ต่างๆ เช่น “Re:Zero” อนิเมะแนวกำเนิดใหม่ในต่างโลก และ “Delicious in Dungeon” มังงะแนวผจญภัยในดันเจี้ยน ที่ได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะ
Sony Group Corporation ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้คิดค้น Walkman ได้พลิกโฉมธุรกิจจากผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สู่การเป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมบันเทิงและเทคโนโลยี ครอบคลุมธุรกิจภาพยนตร์ ดนตรี เกม และเซมิคอนดักเตอร์
นายเค็นอิจิโร โยชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Sony ได้เคยกล่าวถึงวิสัยทัศน์ขององค์กรไว้ว่า "ตัวละครที่เป็นที่ชื่นชอบและทรัพย์สินทางปัญญา (IP) สามารถดำรงอยู่ได้ยาวนาน 30, 50 หรือ 100 ปี" และ "นั่นคือสิ่งที่เราต้องการลงทุนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน"
กลยุทธ์หลักของ Sony มุ่งเน้นไปที่การสร้างและต่อยอด IP โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจอนิเมะ ซึ่งได้รับแรงขับเคลื่อนจากการเติบโตของบริการสตรีมมิ่งทั่วโลก และความนิยมที่เพิ่มขึ้นในวัฒนธรรมญี่ปุ่น นอกจากนี้ Sony ยังประสบความสำเร็จในการขยายฐานผู้บริโภคของแฟรนไชส์ ผ่านการนำซีรีส์เกม “The Last of Us” มาดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชมทางช่อง HBO
อย่างไรก็ตาม Sony ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ เช่น การยกเลิกแผนการควบรวมกิจการมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ระหว่างบริษัทสาขาในอินเดียกับ Zee Entertainment Enterprises (ZEE.NS) ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากข้อตกลงบางประการไม่เป็นไปตามเงื่อนไข
ในขณะเดียวกัน Kadokawa Corporation ซึ่งเป็นบริษัทเป้าหมายในการเข้าซื้อกิจการครั้งล่าสุดของ Sony ก็ประสบปัญหาเช่นกัน เช่น เหตุการณ์การโจมตีทางไซเบอร์ที่นำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูล และส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ รวมถึงกรณีที่นายซึงุฮิโกะ คะโดะกะวะ อดีตประธานกรรมการ ต้องลาออกจากตำแหน่ง หลังจากถูกฟ้องร้องในข้อหาติดสินบนที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียว
การเจรจาควบรวมกิจการระหว่าง Sony และ Kadokawa ครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในอุตสาหกรรมบันเทิงโลก หากการเจรจาบรรลุผลสำเร็จ ก็จะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อทั้งสองบริษัท และอาจกำหนดทิศทางใหม่ของวงการเกม อนิเมะ และสื่อบันเทิงในอนาคต
สำหรับ Sony การควบรวม Kadokawa จะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเกมและอนิเมะ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน Sony จะได้ครอบครองทรัพย์สินทางปัญญาที่มีมูลค่ามหาศาล รวมถึง Elden Ring และแฟรนไชส์อื่นๆ ซึ่งสามารถนำไปต่อยอด สร้างรายได้ และขยายฐานผู้บริโภคได้อีกมาก
ในส่วนของ Kadokawa การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Sony จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปสู่ระดับโลก เข้าถึงทรัพยากร และเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงเครือข่ายผู้จัดจำหน่าย และช่องทางการตลาดของ Sony ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม การควบรวมกิจการในระดับนี้ ย่อมมีความท้าทาย และความเสี่ยง เช่น ความแตกต่างในวัฒนธรรมองค์กร การบริหารจัดการ และการปรับตัวของพนักงาน รวมถึงความผันผวนของตลาด และการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมบันเทิง ท้ายที่สุดแล้ว ความสำเร็จของการควบรวมกิจการครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ วิสัยทัศน์ กลยุทธ์ และการดำเนินงานของทั้งสองบริษัท รวมถึงปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่ไม่อาจควบคุมได้ คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ดีลประวัติศาสตร์นี้ จะจบลงอย่างไร และจะพลิกโฉมวงการบันเทิงไปในทิศทางใด
อ้างอิง reuters