LG Electronics ประเทศไทย เปิดไลน์อัพสินค้าไอทีใหม่ล่าสุด ประจำปี 2567 อัดแน่นด้วยฟีเจอร์อันชาญฉลาดและดีไซน์ที่เรียบหรู ตอบรับสมาร์ทไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ต้องการมีชีวิตที่เรียบง่าย สะดวกสบาย และกำลังมองหาอุปกรณ์ไอทีที่เร็ว แรง ประสิทธิภาพสูง ตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบทั้งการเรียน ทำงาน เล่นเกม
โดยในไลน์ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์โน๊ตบุ๊ค จอเกมมิ่งมอนิเตอร์ และจอสมาร์ทมอนิเตอร์ เน้นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่มองหาผลิตภัณฑ์ไอทีระดับพรีเมียม ดีไซน์ทันสมัย ประสิทธิภาพการใช้งานขั้นสูง และเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ใช้งานสะดวกและง่าย ดังนี้:
- โน๊ตบุ๊ค LG gram และ LG gram Pro
- จอ LG UltraGear เกมมิ่งมอนิเตอร์ รุ่นพาเนล OLED, Nano IPS, และ Full HD IPS
- จอ LG MyView Smart Monitor
ซึ่ง LG คาดว่า การเปิดตัวไลน์อัพสินค้าไอทีที่หลากหลายจะช่วยสร้างการเติบโตด้านยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอทีของ LG เพิ่มขึ้นถึง 30% สอดคล้องกับภาพรวมตลาดสินค้าไอทีที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด LG Electronics ประเทศไทย กล่าวว่า ผู้ใช้งานมองห่าเทคโนโลยีที่มีความชาญฉลาด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ไมหยุดนิ่ง ในยุคที่ทุกอย่างต้องการความรวดเร็วและการเชื่อมโยงเข้าถึงกัน ซึ่ง LG เข้าใจดีว่าผู้บริโภคยุคใหม่มองหาประสิทธิภาพและผลิตภาพ สูงสุดจากการทำงาน
ทั้งนี้ LG มั่นใจว่าไลน์อัพสินค้าไอทีใหม่ล่าสุดทุกรุ่นที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอันชาญฉลาด จะช่วยส่งเสริมให้ผู้บริโภคชาวไทยมีไลฟ์สไตล์ที่สมาร์ท มีชีวิตประจำวันง่าย มีประสิทธิภาพ รวมถึงสนุกยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ LG ยังสนับสนุนให้คนไทยรู้จักหันมาประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในแบบของตัวเอง
สำหรับโน๊ตบุ๊คพรีเมียม LG gram และ LG gram Pro มาใน 5 รุ่น มีทั้งขนาด 16 นิ้ว และ 17 นิ้ว โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบหรู บางเบา
โดย ‘LG gram Pro’ ถือเป็นโน๊ตบุ๊คจอใหญ่ที่มาพร้อมการ์ดจอแยกและยังมีน้ำหนักเบาที่สุดในตลาด มาพร้อมการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX™ 3050 4GB เสริมประสิทธิภาพการประมวลผลวิดีโอให้รวดเร็ว และเล่นเกมได้อย่างราบรื่น ในน้ำหนักเครื่องที่เบาเพียง 1.37 กก. เหมาะกับกลุ่มคอนเทนต์ครีเอเตอร์และเกมเมอร์
ในขณะที่แบตเตอรี่ใช้ได้ยาวนานกว่า 1 วันเมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ขับเคลื่อนด้วยชิพประมวลผล Intel® Core™ Ultra 7 และ Ultra 5 ที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลได้เสถียรมากขึ้น ด้วยอัตราส่วนหน้าจอแบบ 16:10 บนพาเนลแบบ IPS กว้างกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่มีอัตราส่วนหน้าจอ 16:9 และมีสีสันภาพที่แม่นยำสมจริง
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมความทนทาน ด้วยตัวเครื่องผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอยดซึ่งเป็นวัสดุในการผลิตเครื่องบินและยังผ่านการรับรองมาตรฐานความทนทานและความน่าเชื่อถือตามมาตรฐาน ทางการทหาร MIL-STD-810H
ส่วน ‘LG gram’ รุ่นใหม่ อัปเกรดฟีเจอร์อัจฉริยะอย่าง LG gram link ที่ตอบโจทย์การทำงานอัจฉริยะด้วยความสามารถมากมาย อาทิ การถ่ายโอนไฟล์ต่างๆ ระหว่างอุปกรณ์มือถือ แท็ปเล็ต และโน๊ตบุ๊คได้อย่างง่ายดาย การเชื่อมต่อกับแท็ปเล็ตเพื่อเพิ่มจำนวนหน้าจอใช้งานให้มากขึ้น
ฟีเจอร์ LG gram link ยังรองรับการใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ทำให้ไลน์อัพใหม่ล่าสุดของ LG gram สามารถเติมเต็มการใช้งานที่อัจฉริยะและเพิ่ม Productivity ในการทำงานให้แก่เจ้าของเครื่องได้อย่างครบครัน
ทั้งนี้ ราคาเริ่มต้นของทั้ง 5 รุ่น อยู่ที่ 46,020 – 73,090 บาท
- LG UltraGear รุ่นพาเนล OLED ทั้งหมด 5 รุ่นย่อย
เกมมิ่งมอนิเตอร์ พาเนล OLED ที่แสดงผลภาพได้เร็วที่สุด ด้วยอัตรารีเฟรชเรทถึง 240Hz และเวลาตอบสนอง 0.03ms (GtG) มีทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ได้แก่ 32GS95UE (จอ 32 นิ้ว), 45GS95QE (จอ 45 นิ้ว), 39GS95QE (จอ 39 นิ้ว), 34GS95QE (จอ 34 นิ้ว), และ 27GS95QE (จอ 27 นิ้ว)
โดยคุณสมบัติของพาเนลจอ OLED ทำงานโดยการเปล่งแสงเม็ดพิกเซลด้วยตัวเอง (Self-lit OLED) อัตราส่วนคอนทราสต์ที่สูงถึง 1.5 ล้านต่อหนึ่ง พร้อมเฉดสีภาพแบบ VESA DisplayHDR™ 400 True Black แสดงสีสันได้อย่างแม่นยำสูงสุด ทให้ผู้เล่นเกมเห็นทุกรายละเอียด หรือศัตรูที่ซ่อนอยู่ในมุมมืดของฉากในเกมได้อย่างชัดเจนและเป็นธรรมชาติ
ซึ่งไฮไลต์พิเศษของรุ่น ‘32GS95UE’ คือ การเป็นเกมมิ่งมอนิเตอร์รุ่นแรกของโลกที่มีคุณสมบัติ Dual-HZ OLED สามารถสลับใช้อัตรารีเฟรชเรทระหว่าง OLED ที่ 240Hz และ Full HD ที่ 480Hz ด้วยการคลิกเมาส์เพียงครั้งเดียว เหมาะการเล่นเกมที่มีภาพกราฟิกที่สวยงาม หรือเกมแอคชั่นออนไลน์ที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็วที่สุด
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Micro Lens Array (MLA) ที่ช่วยลดการสูญเสียแสง ป้องกันการสะท้อน ทำให้มองเห็นความสว่างสูงขึ้น 60% และมุมมองที่กว้าง 30% เทียบกับจอแสดงผล OLED รุ่นเก่า
ไม่เพียงเท่านี้ จอมอนิเตอร์รุ่นใหม่นี้ยังแสดงรายละเอียดเสียงขั้นสูงระดับพิกเซลด้วยลำโพงวูฟเฟอร์ และ DTS® Virtual:X™ และยังรองรับระบบเสียง CSO (Cinematic Sound OLED) จากลำโพงที่ซ่อนอยู่ด้านหลังแผง OLED
ส่วนรุ่น 45GS95QE, 39GS95QE, และ 34GS95QE มาพร้อมจอโค้ง 800R ให้มุมมองพาโนรามา มอบประสบการณ์สมจริงจนเหมือนคุณได้เข้าไปอยู่ในเกม
ทั้งนี้ ราคาเริ่มต้นของทั้ง 5 รุ่น อยู่ที่ 33,700 – 58,500 บาท
- LG UltraGear รุ่นพาเนล Nano IPS ทั้งหมด 2 รุ่นย่อย
LG UltraGear รุ่น 32GS85Q (จอ 32 นิ้ว) มาพร้อมอัตรารีเฟรชภาพ 180Hz และรุ่น 27GS85Q (จอ 27 นิ้ว) มีอัตรารีเฟรช O/C ถึง 200Hz ทั้งสองรุ่นเป็นเกมมิ่งมอนิเตอร์พาเนล Nano IPS ความคมชัดระดับ QHD (2560x1440) แสดงผลสีภาพได้อย่างโดดเด่นด้วยสเปกตรัม DCI-P3 ครอบคลุม 98%
หมดกังวลเรื่องภาพค้างด้วยระยะเวลาตอบสนองแค่ 0.01ms (GtG) ทำให้เล่นเกมลื่นไหล ไม่สะดุด และจอแสดงผลยังได้รับการรับรอง VESA Adaptivesync ช่วยให้เล่นเกมได้อย่างมีอัตรารีเฟรชสูง และมีค่าความหน่วงต่ำได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังรองรับทั้งเทคโนโลยี NVIDIA® G-SYNC® และ AMD FreeSync™ เหมาะสำหรับการเล่นเกมอย่างสมบูรณ์แบบ
ทั้งนี้ ราคาเริ่มต้นของรุ่น 32GS85Q อยู่ที่ 14,500 บาท และรุ่น 27GS85Q 11,300 บาท
- LG UltraGear รุ่นพาเนล Full HD IPS
สำหรับรุ่นพาเนล Full HD IPS ของ LG UltraGear ในปีนี้ คือ รุ่น 27GS60F (จอ 27 นิ้ว) เอาใจคอเกม ด้วยการแสดงสีบนจอไม่ผิดเพี้ยน รองรับ NVIDIA® G-SYNC® ใช้ระยะเวลาตอบสนองที่ไวถึง 1ms (GtG) ด้วยอัตรารีเฟรชเรท 180Hz ช่วยให้เล่นเกมได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด
นอกจากนี้ ยังลดเอฟเฟกต์ภาพซ้อนภาพเบลอได้ ทำให้คอเกมได้ดื่มด่ำไปกับรายละเอียดสีคุณภาพสูงบนหน้าจอได้ด้วยคุณสมบัติรองรับสีที่ถูกต้องแบบ sRGB 99% มาพร้อม HDR10 ให้คอนทราสต์แบบไดนามิกบนจอ Full HD อัตราส่วนจอ 16:9 (1920 x 1080) ให้มุมมองกว้าง ในรูปแบบจอที่ถูกออกแบบให้เป็นจอไร้ขอบทั้งสามด้าน เสมือนได้เข้าสู่โลกของเกมอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ LG UltraGear รุ่นพาเนล Full HD IPS ราคาอยู่ที่ 5,350 บาท
สมาร์ทมอนิเตอร์ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น 32SR85U, รุ่น 32SR50F และ รุ่น 27SR50F ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งการทำงานและความบันเทิง ด้วยจอแสดงผลแบบ IPS ความคมชัดสูงระดับ 4K สำหรับรุ่น 32SR85U และระดับ Full HD สำหรับรุ่น 32SR50F และรุ่น 27SR50F ในอัตราส่วน 16:9
ทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมระบบปฏิบัติการ webOS 23 เช่นเดียวกับสมาร์ททีวีของแอลจีที่รองรับสตรีมมิ่งแอปพลิเคชันด้านความบันเทิงมากมาย ทั้ง Netflix, Prime Video, Disney+, YouTube และ Apple TV รวมถึงแอปพลิเคชันเกมและกีฬาที่ติดตั้งมากับตัวเครื่อง
อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถจัดการแอปพลิเคชันบนหน้าจอได้ตามความชอบส่วนตัว สะดวกสบายด้วยฟีเจอร์การเชื่อมต่อกับพีซีจากระยะไกลด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ ช่วยให้สามารถเปลี่ยนบ้านเป็นโฮมออฟฟิศได้อย่างง่ายดาย
ทั้งนี้ ราคาเริ่มต้นของทั้ง 3 รุ่น อยู่ที่ 6,500 – 17,000 บาท