แลคตาซอย นมถั่วเหลืองที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 38 ปี ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้แลคตาซอยครองใจผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย แต่กว่าจะมาเป็นแลคตาซอยในทุกวันนี้ เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดท่ามกลางการแข่งขันที่สูง และสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน ถือเป็นบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของแลคตาซอยได้เป็นอย่างดี
กว่า 38 ปีที่แลคตาซอยครองใจคนไทย แต่รู้หรือไม่ว่าจุดเริ่มต้นของแบรนด์นี้ไม่ได้เริ่มจากนมถั่วเหลือง หากย้อนกลับไปช่วงปี พ.ศ. 2524 ที่ คุณวิริยะ จิรพัฒนกุล ผู้ก่อตั้ง ได้ริเริ่มธุรกิจน้ำอัดลม ‘แฮปปี้’ และ ‘ดับเบิ้ลแฮปปี้’ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ทหารญี่ปุ่นและตลาดเยาวราช ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ แต่ยังเป็นบันไดสู่โอกาสในการผลิตน้ำอัดลมให้กับแบรนด์ดังจากต่างประเทศอย่าง ‘คิกคาปู้’ จากแคนาดา และ ‘คิงคิส’ กับ ‘คอสโค’ จากสหรัฐอเมริกา
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2524 เมื่อคุณวิริยะตัดสินใจบุกเบิกตลาดนมถั่วเหลืองบรรจุกล่องยูเอชทีเป็นรายแรกในประเทศไทย ภายใต้ชื่อแบรนด์ ‘แลคตาซอย’ ซึ่งเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นการพลิกโฉมธุรกิจครั้งใหญ่ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จที่ยั่งยืน ปัจจัยแห่งความสำเร็จของแลคตาซอยมาจากความมุ่งมั่นในการผลิตสินค้าคุณภาพสูงเพื่อสุขภาพของผู้บริโภคชาวไทย ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ความสำเร็จของแลคตาซอย 5 บาท ขนาด 125 มล. ที่เปิดตัวในปี พ.ศ. 2548 ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความเข้าใจผู้บริโภคของแบรนด์ ด้วยการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในขณะนั้น คือความสะดวกสบายในการพกพาและราคาที่เข้าถึงได้ง่าย บวกกับเพลงโฆษณาที่ติดหูและจดจำง่าย “รู้หรือไม่ เนื้อเพลงทั้งหมด คุณ สามารถ จิรพัฒนกุล ประธานบริษัทเป็นคนแต่ง แล้วให้ผู้ผลิตโฆษณาลงทำนองอีกด้วย” ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้กลายเป็นหนึ่งในสินค้าที่สร้างยอดขายสูงสุดของแบรนด์ แม้ว่าแลคตาซอยรสออริจินัล 300 มล. จะยังคงเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ได้รับความนิยม แต่แลคตาซอย 5 บาทก็ยังคงครองใจผู้บริโภคด้วยรสชาติที่อร่อย คุ้มค่า และเข้าถึงง่าย สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของแบรนด์ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภค
หลังจากตรึงราคาแลคตาซอยขนาด 125 มล. ที่ 5 บาทมาอย่างยาวนาน บริษัทตัดสินใจปรับขึ้นราคาเป็น 6 บาท โดยมีเหตุผลหลักคือต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เดิมทีบริษัทมีแผนจะปรับราคาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560-2561 เมื่อรัฐบาลเริ่มจัดเก็บภาษีความหวาน แม้จะพยายามปรับสูตรเพื่อลดผลกระทบ แต่ต้นทุนก็ยังคงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทเลือกที่จะรอดูสถานการณ์ก่อน แต่แล้วก็มาเจอวิกฤตโควิดซ้ำเติม ทำให้บริษัทตัดสินใจชะลอการขึ้นราคาออกไป เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้บริโภคในช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยอาศัยการผลิตจำนวนมากเพื่อลดต้นทุน และจัดโปรโมชั่นเพื่อให้ผู้บริโภคยังคงซื้อสินค้าได้ในราคาที่เข้าถึงง่าย
กระทั่งปี 2565 ต้นทุนพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง จากวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมัน ราคาอาหาร ค่าขนส่ง สินค้าทุกอย่างปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากกระทรวงพาณิชย์ ประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไป ล่าสุด ณ เดือนธันวาคม 2565 อยู่ที่ 5.89% ตามราคา และอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2565 สูงขึ้น 6.08% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2541 นับได้ว่าสูงสุดในรอบ 24 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาถั่วเหลือง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 40% ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ราคานมผงก็ขยับขึ้นเกิน 40% เช่นเดียวกับราคาบรรจุภัณฑ์ที่ปรับขึ้นถึง 3 รอบ รวมกว่า 20% ยังไม่รวมถึงต้นทุนอื่นๆ เช่น ฟิล์ม หีบห่อ และหลอด ที่ล้วนปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ
เพลงโฆษณา "แลคตาซอย 5 บาท" ที่คุ้นหูคนไทยมานานกว่า 17 ปี กลายเป็นตำนาน แม้ว่าการระบุราคาในเพลงจะทำให้การปรับกลยุทธ์และการสื่อสารเป็นไปได้ยาก แต่แลคตาซอยก็ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย เพราะตลอด 17 ปีที่ผ่านมา แลคตาซอยได้สร้างสรรค์แคมเปญโฆษณามากถึง 11 เรื่อง โดยใช้เพลง "แลคตาซอย 5 บาท" เป็นแกนหลักในการสื่อสาร ซึ่งเป็นบทเพลงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการสร้างการจดจำแบรนด์และตอกย้ำราคาที่คุ้มค่าของผลิตภัณฑ์
อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2558 แลคตาซอยได้เริ่มปรับกลยุทธ์การสื่อสาร โดยนำ "พลอยชมพู" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์ ตามมาด้วย BNK48 ในปี พ.ศ. 2561 และลาบานูน, นิว-จิ๋ว, หญิงลี ในปี พ.ศ. 2564 การใช้พรีเซ็นเตอร์ที่หลากหลายและเป็นที่นิยมในกลุ่มเป้าหมาย ทำให้แลคตาซอยสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขึ้นและสร้างความสดใหม่ให้กับแบรนด์ และถึงแม้ว่าเพลง "แลคตาซอย 5 บาท" จะไม่ได้ถูกนำมาใช้ในการสื่อสารอีกต่อไป แต่บทเพลงนี้ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำและประวัติศาสตร์ของแบรนด์แลคตาซอย และเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่รักของคนไทย
ปี 2566 แลคตาซอยเดินหน้ารุกตลาดครั้งใหญ่ ทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาท คว้าตัววงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นฟันน้ำนม "Paper Planes" เจ้าของเพลงฮิตติดหู "ทรงอย่างแบด" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด หวังสร้างการรับรู้และตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมรับการปรับราคาผลิตภัณฑ์เป็น 6 บาท
คุณพรรวนา มหาทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและการตลาดสัมพันธ์ บริษัท แลคตาซอย จำกัด เผยว่า Paper Planes ไม่ได้เป็นเพียงวงดนตรีที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในหมู่เด็กๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของพลังบวกที่สร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางใหม่ของแลคตาซอยที่มุ่งมั่นสู่การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
"เรามองเห็นศักยภาพของ Paper Planes ในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเด็กๆ ผู้ปกครอง หรือแม้แต่คนรุ่นใหม่ เรามั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถถ่ายทอดคุณค่าและความตั้งใจของแลคตาซอยไปสู่ผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ" คุณพรรวนากล่าว
นอกจากนี้ แลคตาซอยยังเตรียมเปิดตัวเพลงโฆษณาใหม่ที่ร่วมสร้างสรรค์กับ Paper Planes ในช่วงเดือนมีนาคม 2566 เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ที่สดใส ทันสมัย และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงใจ การจับมือกับ Paper Planes ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของแลคตาซอยในการสร้างความเชื่อมั่นและความผูกพันกับผู้บริโภคในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะกลุ่ม "ฟันน้ำนม" ที่กำลังเติบโตและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของครอบครัว สำหรับความร่วมมือระหว่างแลคตาซอยและ Paper Planes ในครั้งนี้ ถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ เพื่อสร้างการรับรู้และความผูกพันกับผู้บริโภคในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดในอนาคต
สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี บริษัท แลคตาซอย จำกัด
แลคตาซอยประกาศแผนการดำเนินธุรกิจเชิงรุก ด้วยการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการเติบโตในกลุ่มประเทศอินโดจีนควบคู่ไปกับการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในส่วนของตลาดต่างประเทศ แลคตาซอยเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตในกลุ่มประเทศอินโดจีน ซึ่งมีวัฒนธรรมการบริโภคที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย โดยบริษัทมีแผนที่จะรุกตลาดอย่างจริงจังผ่านการสร้างแบรนด์และช่องทางการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง
สำหรับตลาดในประเทศ แลคตาซอยยังคงให้ความสำคัญกับการกระจายสินค้าผ่านเครือข่ายคลังสินค้ากว่า 73 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และร้านค้าปลีก เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งพัฒนาช่องทางการขายออนไลน์ให้เติบโตยิ่งขึ้น ด้วยการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ทันสมัยและรองรับระบบ E-Commerce อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ แลคตาซอยยังมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 300 ล้านกล่องต่อปี โดยลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรในโรงงานผลิตที่จังหวัดปราจีนบุรีให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนลงทุนกว่า 150 ล้านบาทในการติดตั้งโซลาร์เซลล์ เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงานและเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด
แลคตาซอย ไม่ได้เป็นเพียงนมถั่วเหลืองที่อยู่คู่คนไทยมานาน แต่เป็นแบรนด์ที่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาและปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การปรับราคาครั้งล่าสุด แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการรักษาคุณภาพและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ ในขณะเดียวกัน การเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์วง Paper Planes และเพลงโฆษณาใหม่ ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของแลคตาซอยในการเข้าถึงผู้บริโภคในทุกช่วงวัย และสร้างความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาว
ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และความเข้าใจในตลาดอย่างลึกซึ้ง แลคตาซอยจึงไม่เพียงแต่เป็นผู้นำในตลาดนมถั่วเหลืองในประเทศไทย แต่ยังมีศักยภาพที่จะเติบโตและขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นการสร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับโลก
ที่มา lactasoy และ กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์