Samsung Electronics ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ชูจุดเด่นจาก Galaxy AI มากมาย นำทัพด้วย Galaxy Z Fold 6, Galaxy Z Flip 6, Galaxy Watch Ultra และ Watch 7, และ Galaxy Buds 3 และ 3 Pro ภายในงาน Galaxy Unpacked 2024
โดยการเปิดตัว Galaxy Z ในครั้งนี้ มาพร้อมกับตัวเครื่องที่บางและเบาที่สุดเท่าที่เคยมีมา เหมาะสมสําหรับการพกพา นอกจากนี้ ยังได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อให้มีความทนทานมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังติดตั้ง Armor Aluminum ที่ได้รับการปรับปรุงและ Corning® Gorilla® Glass Victus® 23 ทําให้ Galaxy Z ซีรีส์นี้มีความทนทานมากที่สุด
ซึ่งทั้ง Galaxy Z Fold 6 และ Flip 6 มาพร้อมกับชิป Snapdragon® 8 Gen 3 ที่เพิ่มประสิทธิภาพ CPU 18%, GPU 19%, และ NPU 42% โดยโปรเซสเซอร์ได้รับการปรับให้เหมาะสมสําหรับการประมวลผล AI และนําเสนอกราฟิกที่ได้รับการปรับปรุงพร้อมกับประสิทธิภาพโดยรวมที่ดีขึ้น รวมทั้ฝระบบทําความเย็นที่ได้รับการอัพเกรดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
Galaxy Z Fold 6 มาพร้อมกับคุณสมบัติและเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่หลากหลาย ซึ่งเพิ่มหน้าจอขนาดใหญ่ให้สูงสุด และเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานอย่างมีนัยสำคัญ โดยคุณสมบัติหลักของสมารท์โฟนรุ่นนี้มีดังนี้:
- บาง 5.6 มม.
- จอแสดงผลหลัก 7.6 นิ้ว
- จอแสดงผลภายนอก 6.3 นิ้ว
- น้ำหนักเครื่อง 239 กรัม
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล
- กล้องเลนส์มุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล
- กล้องเลนส์ซูม 10 ล้านพิกเซล
- สว่างสูงสุดถึง 2,600 นิต
- ตัวเครื่องแข็งแรงขึ้น 10%
- แบตเตอรี่ 4,400 mAh
- แผ่น Vapor Chamber ใหญ่ขึ้น 1.6 เท่า
- RAM 12 GB
ส่วนฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนจาก Galaxy AI ที่น่าสนใจมีดังนี้:
- Note Assist: ช่วยแปล สรุป และจัดรูปแบบการจดบันทึกอัตโนมัติ
- PDF Overlay Translation: แปลและแก้ไขข้อความในไฟล์ PDF
- Composer: ช่วยสร้างข้อความแนะนำสำหรับอีเมลและโซเชียลมีเดีย จาก Samsung Keyboard รวมทั้งประสบการณ์การเขียนใหม่ด้วย S Pen
- Sketch to image: ช่วยสร้างงานศิลปะจากภาพสเก็ตช์หรือภาพถ่ายได้อย่างง่ายดาย
- Circle to search: กดปุ่มโฮมค้างไว้แล้ววงกลม ไฮไลต์ หรือแตะบนหน้าจอ ก็จะแสดงผลการค้นหาทันที
- Interpreter: หมดสนทนาใหม่ ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถดูคำแปลบนหน้าจอหลักและจอด้านหน้าได้อย่างสะดวก
- Live Translate: แปลการพูดคุยทางโทรศัพท์ได้แบบเรียลไทม์ และขยายการใช้งานไปยังแอปพลิเคชันยอดนิยมอื่นๆ
ส่วนความร่วมมือระหว่าง Samsung และ Google ผ่านแอปพลิเคชัน ‘Google Gemini app’ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งยู่บน Galaxy Z Series รุ่นใหม่ ช่วยวางแผนการเดินทาง ค้นหาข้อมูล จองโรงแรมหรือเที่ยวบินได้ง่ายๆ รวมทั้งเรื่องศิลปิน K-pop บนมิวสิควิดีโอใน YouTube ผ่านฟีเจอร์ Circle to Search
ทั้งนี้ Galaxy Z Fold 6 ยกระดับการถ่ายภาพ การแก้ไข และการแสดงผลภาพด้วย ProVisual Engine พร้อมสร้างคอนเทนต์แบบมืออาชีพด้วยฟีเจอร์ Photo Assist และ Portrait Studio ที่ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ให้กับภาพถ่าย เช่น การ์ตูน 3 มิติ หรือสีน้ำ รวมทั้งฟีเจอร์ Instant Slow-mo ที่ชะลอวิดีโอได้ง่าย
โดย Galaxy Z Fold 6 มีสี Silver Shadow, Pink, และ Navy และสีพิเศษที่วางจำหน่ายเฉพาะออนไลน์เท่านั้น อย่าง Crafted Black และ White พร้อมราคาเริ่มต้น 63,900 บาท (256 GB), 68,900 บาท (512 GB), และ 78,900 บาท (1 TB)
Galaxy Z Flip 6 ยังคงคอนเซ็ปท์สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ปรับแต่งได้ตามใจ จากการชูจุดเด่นของจอ FlexWindow และการพับครึ่งของเครื่อง โดยคุณสมบัติหลักๆ มีดังนี้:
- จอแสดงผลหลัก 6.7 นิ้ว
- จอ Super AMOLED FlexWindow 3.4 นิ้ว
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล
- กล้องเลนส์มุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล
- กล้องเลนส์ซูม 10 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh
- RAM 12 GB
ส่วนฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนจาก Galaxy AI ที่น่าสนใจมีดังนี้:
- Suggested replies: วิเคราะห์ข้อความล่าสุดเพื่อแนะนำการตอบกลับที่เหมาะสม
- FlexCam: ค้นหาการจัดกรอบภาพที่ดีที่สุด โดยการตรวจจับวัตถุและการซูมเข้าและออกก่อนปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น
- Auto Zoom: ปลดล็อกตัวเลือกการสร้างสรรค์ถ่ายภาพใหม่ๆ ที่ตรวจจับวัตถุและการซูมเข้า-ออกก่อนปรับเปลี่ยนกรอบภาพให้เหมาะสม
- Nightography และ Video HDR: ถ่ายวิดีโอได้สวยแม้ในแสงน้อย และยังทำงานร่วมกับ Instagram
ซึ่งบางฟีเจอร์ จะอยู่บน FlexWindow เพื่อช่วยให้เข้าถึงการอัปเดตและการแจ้งเตือนจาก Samsung Health รวมถึงเลือกเพลงถัดไปที่ต้องการฟังผ่าน Music widget ได้สะดวกขึ้น และมี widget ให้ใช้มากกว่าเคย พร้อมปรับแต่งอุปกรณ์และเปลี่ยนวอลเปเปอร์ได้แบบเรียลไทม์ตามเวลาและสภาพอากาศด้วย Photo Ambient
โดย Galaxy Z Flip 6 มีสี Silver Shadow, Yellow, Blue, และ Mint และสีพิเศษที่วางจำหน่ายเฉพาะออนไลน์เท่านั้น อย่าง Crafted Black, White, และ Peach พร้อมราคาเริ่มต้น 42,900 บาท (256 GB) และ 47,900 บาท (512 GB)
Galaxy Watch Ultra ถูกออกแบบ ช่วยเสริมการออกกำลังกายที่ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น ผ่านความอัจฉริยะและความสามารถที่ยอดเยี่ยม การดีไซน์วงกลมที่เป็นเอกลักษณ์ของ Galaxy Watch พร้อมการออกแบบใหม่แบบ cushion นี้จะช่วยเพิ่มการป้องกันและความการมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ในขณะที่ระบบ Dynamic Lug System จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายที่จะช่วยให้คุณเป็นอย่างที่คิดได้ดั่งใจ
โดยกรอบเรือนใช้วัสดุแบบ Titanium Grade 4 ซึ่งสามารถกันน้ำระดับ 10ATM และทำงานได้ในช่วงความสูงที่หลากหลาย ตั้งแต่ 500 เมตรใต้ระดับน้ำทะเลไปจนถึง 9,000 เมตร รวมทั้งใช้งานได้สูงสุด 100 ชั่วโมงในโหมด Power Saving และ 48 ชั่วโมงในโหมด Exercise Power Saving มากที่สุดในบรรดา Galaxy AI
ซึ่ง Galaxy Watch Ultra ยังสามารถติดตามผลการออกกำลังกายแบบไตรกีฬา ด้วยแผ่นไทล์ Multi-sports แบบใหม่ มีการวัดพลังงานการปั่นจักรยาน Functional Threshold Power (FTP) ใหม่ ที่ใช้เวลาเพียง 4 นาทีในการวัดพลังการปั่นจักรยานสูงสุดด้วย AI-powered FTP metrics และยังมี Personalized HR Zone แบบขั้นสูง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถออกกำลังกายที่ระดับความเข้มข้นที่เหมาะสมตามความสามารถทางกายภาพ
นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถใช้ Emergency Siren เพื่อความปลอดภัย สำหรับช่วงหลังการออกกำลังกาย และตรวจสอบสถิติได้ทันทีด้วยหน้าปัดนาฬิกาที่ออกแบบเฉพาะ ที่สลับไปโหมดกลางคืนโดยอัตโนมัติ เพื่อการอ่านที่เหมาะสมในที่มืด ในขณะที่แสงแดดจ้า ก็ยังสามารถอ่านได้ชัดเจนด้วยความสว่างสูงสุด 3,000 นิต
ทั้งนี้ Galaxy Watch Ultra ขนาด 47 มม. ในสี Titanium Gray, Titanium White, และ Titanium Silver ในราคา 23,900 บาท
Galaxy Watch 7 ออกแบบมาเพื่อช่วยสร้างวันที่สุขภาพดีขึ้น ด้วยการติดตามการออกกำลังกายมากกว่า 100 แบบได้อย่างแม่นยำ และสร้างกิจวัตรด้วยการผสมผสานการออกกำลังกายต่างๆ ผ่านฟีเจอร์ Race ที่เปรียบเทียบประสิทธิภาพการออกกำลังกายในปัจจุบันกับในอดีตแบบเรียลไทม์ได้ และภาพรวมของร่างกายและความฟิตด้วย Body Composition
นอกจากอัลกอริธึม AI ที่ล้ำหน้าแบบใหม่สำหรับการวิเคราะห์การนอนหลับ Galaxy Watch 7 ยังเข้าใจการทำงานของหัวใจให้ลึกขึ้นด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และการตรวจวัดความดันโลหิต (BP) และเซ็นเซอร์ BioActive ที่ปรับปรุงใหม่ให้ความแม่นยำที่เพิ่มขึ้น และการอ่านค่าที่แม่นยำต่างๆ
ไม่เพียงเท่านี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ Galaxy Watch 7 มีโปรเซสเซอร์ 3nm มอบประสบการณ์การสวมใส่ที่ไร้รอยต่อยิ่งขึ้นด้วย CPU ที่เร็วขึ้นสามเท่า และการใช้พลังงานของโปรเซสเซอร์แอปพลิเคชันที่ดีขึ้น 30% รวมทั้งเป็นสมาร์ทวอร์ชรุ่นแรกที่มี Dual-frequency GPS system ติดตามตำแหน่งได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น แม้ในสภาพแวดล้อมเมืองที่หนาแน่นและแออัดก็ตาม
สำหรับ Galaxy Watch 7 จะมีสองขนาด คือ 40 มม. และ 44 มม. โดยขนาด 40 มม. มีสีเขียวและสีครีม ราคา 10,900 บาท ในขณะที่ขนาด 44 มม. จะมีสีเขียว ราคา 12,900 บาท
Galaxy Ring นำเสนอแนวทางการมีสุขภาพที่ดีในทุกวัน ด้วยเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของ Samsung ในรูปแบบที่เล็กที่สุดและไม่เกะกะ และให้ข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้เข้าใจตัวเองได้อย่างง่ายดาย ออกแบบมาเพื่อการตรวจสอบสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมงในทุกวัน
โดยคุณสมบัติหลักของ Galaxy Ring มีดังนี้:
- หนัก 2.3-3.0 กรัม
- กันน้ำ 10 ATM
- พื้นผิว Titanium Grade 5
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 7 วัน
- Titanium Black, Titanium Silver, และ Titanium Gold
- ชุดปรับขนาด 9 ตัวเลือกที่ช่วยหาขนาดแหวนที่พอดี
ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงของ Galaxy AI ข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกทั้งหมดรวมอยู่ใน Samsung Health เพื่อการเข้าถึงที่ราบรื่นภายในแพลตฟอร์มเดียวโดยไม่ต้องสมัครสมาชิก ซึ่ง Galaxy Ring วิเคราะห์การนอนหลับที่ดีที่สุดด้วยอัลกอริธึม AI ทำให้เข้าใจรูปแบบการนอนได้อย่างง่ายดายและสร้างนิสัยที่ดีขึ้น
นอกเหนือจากคะแนนการนอนหลับและการวิเคราะห์การกรนแล้ว ตัวชี้วัดการนอนหลับใหม่ๆ เช่น การเคลื่อนไหวระหว่างการนอนหลับ เวลาแฝงในการนอนหลับ อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจ ยังวิเคราะห์คุณภาพการนอนหลับอย่างละเอียดและแม่นยำ
ไม่เพียงเท่านี้ ผู้ใช้งาน สามารถถ่ายภาพหรือปิดการปลุกบนสมาร์ทโฟน Galaxy ได้อย่างง่ายดายด้วยการบีบสองครั้งผ่านท่าทาง และค้นหาตำแหน่งของ Galaxy Ring ผ่านสมาร์ทโฟน Galaxy ด้วย Find My Ring บน Samsung Find
ทั้งนี้ Galaxy Ring ราคาเริ่มต้นที่ 399 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 14,500 บาท และยังไม่วางขายในประเทศไทย
Galaxy Buds 3 Series อัปเกรดการสื่อสารใหม่ด้วย Galaxy AI ที่สามารถแปลการบรรยายภาษาได้แบบเรียลไทม์ได้ผ่านโหมด Interpreter บน Galaxy Z Fold 6 หรือ Flip 6 และควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ด้วย Voice Command โดยไม่ต้องสัมผัสอุปกรณ์ และคุณภาพเสียงจะถูกปรับให้เหมาะสมอัตโนมัติผ่าน Adaptive EQ และ Adaptive ANC พร้อมฟีเจอร์ Adaptive Noise Control, Siren Detect, และ Voice Detect ที่ตัดเสียงรบกวนและอำนวยความสะดวกสบาย
ซึ่ง Buds 3 Pro จะมาพร้อมลำโพง 2 ทิศทางและทวีตเตอร์แบบ planar ให้เสียงที่แม่นยำ พร้อม Dual Amplifiers และ Ultra High Quality Audio ที่รองรับ SSC codec เพื่อการฟังเสียงความละเอียดสูงและการโทรที่ชัดเจน พร้อม Super-Wideband ช่วยการโทรที่สมบูรณ์แบบอย่างเป็นธรรมชาติ รวมทั้งยังมีการใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างพลาสติกจากแหอวนหรือถังน้ำที่ถูกทิ้งในส่วนประกอบของตัวเคสและหูฟัง และใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษรีไซเคิล 100%
ทั้งนี้ Galaxy Buds3 Series มาพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัย บางเฉียบ และสวมใส่สบาย มีให้เลือกสองสี ได้แก่ Silver และ White โดยยราคา Galaxy Buds3 Pro อยู่ที่ 7,490 บาท และ Galaxy Buds 3 ที่ 5,490 บาท