Alibaba.com แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติจีน แบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) ระดับโลก ได้ประกาศเปิดตัวแพ็คเกจใหม่ Global Gold Supplier-Lite ในประเทศไทย หลังคาดการณ์ว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยจะมีมูลค่าเกิน 7 ล้านล้านบาทในปี 67 หวังให้ SMEs ของไทย สามารถเจาะตลาดโลกได้ง่ายขึ้น
ตามรายงานล่าสุดของ Statista มีการคาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยจะมีมูลค่าเกิน 7 ล้านล้านบาท (218 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2567 ด้วยอัตราการเติบโต 23% ต่อปี แสดงให้เห็นว่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยกำลังเติบโตอย่างเพื่องฟู นอกจากนี้ยังพบว่าประชากรที่มีเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของไทย มีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่สูงมากกว่า 88% ทำให้ Alibaba ได้มองเห็นศักยภาพของธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่อยู่ระดับแนวหน้าของการปฏิวัติดิจิทัล
นายวาเรน หวัง Head of Thailand Business, Alibaba.com ได้เปิดเผยว่า “ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 อุตสาหกรรมค้าปลีกออฟไลน์ต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ แต่นี่กลับเปิดโอกาสให้แพลตฟอร์มออนไลน์เจริญรุ่งเรือง เช่นเดียวกันกับตอนนี้ที่ อีคอมเมิร์ซของประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งธุรกิจ SME มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลนี้อย่างมาก ดังนั้น Alibaba.com จึงต้องการสนับสนุนความสำเร็จของ SME ไทยในยุคดิจิทัล และการเปิดตัวแพ็คเกจใหม่อย่าง Global Gold Supplier-Lite โดยคำนึงถึงผู้ส่งออกรายใหม่ไฟแรง ด้วยการเป็นเวอร์ชันที่ประหยัดกว่าของบริการ Global Gold Supplier ปกติ ซึ่งช่วยให้ SME สามารถทดสอบการขายและเข้าสู่ตลาด B2B ทั่วโลกได้โดยไม่ต้องลงทุนล่วงหน้าจำนวนมาก พร้อมเพลิดเพลินกับการเข้าถึงเครื่องมือดิจิทัลล่าสุดที่พวกเขาต้องการเพื่อการเติบโตในตลาดโลก”
ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดสำหรับซัพพลายเออร์ชาวไทยบน Alibaba.com คือ อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ความงาม เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ ตลอดจนของใช้ในบ้านและสวน ในบรรดาสินค้าเหล่านี้ อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าเกษตร และผลิตภัณฑ์ความงาม กำลังมีแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ
Global Gold Supplier-Lite คือ แพ็คเกจสมาชิกใหม่ของ Alibaba ที่เป็นเวอร์ชันที่ประหยัดกว่าของบริการ Global Gold Supplier (GGS) ปกติ ซึ่งที่ผ่านมาค่าธรรมเนียมสมาชิกรายปีของ Alibaba GGS เริ่มต้นที่ 56,200 บาทต่อปี ราคานี้อาจจทำให้ผู้ประกอบการรายเล็ก หรือ SMEs ถูกจำกัดการเข้าถึงด้วยงบประมาณ
ทำให้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาส่งเสริม เพื่อให้ SMEs ของไทยสามารถเจาะตลาดโลกได้ง่ายดายมากขึ้น