เคยเป็นร้านแซนด์วิชขวัญใจใครหลายคน แต่ล่าสุด Subway ประเทศไทยกลับตกเป็นข่าวใหญ่ เมื่อมีการประกาศยกเลิกแฟรนไชส์กว่า 100 สาขา แต่ร้านเหล่านั้นยังคงเปิดให้บริการ! เกิดอะไรขึ้นกับ Subway? ทำไมถึงเกิดปัญหาแบบนี้? และบริษัทจะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร? บทความนี้จะพาคุณไปเจาะถึงวิกฤตที่ Subway กำลังเผชิญ พร้อมวิเคราะห์สาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางแก้ไข เพื่อไขข้อสงสัย และร่วมติดตามอนาคตของแบรนด์แซนด์วิชระดับโลกในประเทศไทย
สถานการณ์ล่าสุดของร้านแซนด์วิชชื่อดัง Subway ในประเทศไทย กำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตด้านคุณภาพและการบริหารจัดการแฟรนไชส์ โดยเพจเฟซบุ๊ก Subway Thailand ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายสาขา อาทิ คุณภาพอาหารที่ต่ำกว่ามาตรฐาน การใช้วัตถุดิบที่ไม่ได้คุณภาพ กระดาษห่อที่ไม่มีลาย Subway หรือมีลายแต่สีซีดจางจนเลอะติดอาหาร รวมถึงการใช้ขนมปังที่ไม่ตรงตามสูตรของ Subway
จากการตรวจสอบพบว่า สาขาที่ได้รับข้อร้องเรียนเหล่านี้ล้วนเป็นสาขาที่ถูกยกเลิกสิทธิ์แฟรนไชส์ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2567 โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 105 สาขา ซึ่งทาง Subway Thailand ได้แนบเอกสารรายชื่อสาขาดังกล่าวไว้ในประกาศ ตัวอย่างสาขาที่ถูกยกเลิกสิทธิ์แต่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ ได้แก่ สาขา CP ทาวเวอร์ สีลม, ปตท บางแสน, ปตท สุขสวัสดิ์, เชลล์ ลาดพร้าว, ทองหล่อ, เชลล์ ท่าพระ, คาลเท็กซ์ ประชานุกูล, ดิ อัพ พระราม 3, บางจาก ราชพฤกษ์ เป็นต้น
ทั้งนี้ Subway Thailand ได้ชี้แจงแนวทางในการแยกแยะสาขาที่ได้รับแฟรนไชส์อย่างถูกต้อง โดยระบุว่า ผู้บริโภคสามารถสังเกตจากเลขที่ร้านและเครื่องหมายสัญลักษณ์ Authorized Franchise ที่แสดงอย่างชัดเจน ประกอบกับการมีอาหารและวัตถุดิบครบถ้วนตามเมนูมาตรฐาน ปัจจุบันมีสาขาที่ได้รับแฟรนไชส์ถูกต้องเหลืออยู่เพียง 51 สาขา
สำหรับกรณี 105 สาขาที่ถูกยกเลิกสิทธิ์แต่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่ Subway Thailand อยู่ระหว่างดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อปกป้องสิทธิ์ของแบรนด์และผู้บริโภค เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของแฟรนไชส์ ผู้บริโภคควรตระหนักและเลือกใช้บริการจากสาขาที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง เพื่อประสบการณ์การรับประทานอาหารที่คุ้มค่าและปลอดภัย
จากกรณีที่ Subway ประเทศไทย ประกาศยกเลิกสัญญาแฟรนไชส์ 105 สาขา แต่ยังคงเปิดขายอยู่ สร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค ชาวเน็ตต่างออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาของ Subway ที่ผลักภาระให้ผู้บริโภคต้องเป็นผู้ตรวจสอบเองว่า สาขาใดเป็นของจริง สาขาใดเป็นของปลอม
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า "เราว่าเป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภคค่ะ ตีความได้ว่า "เธอไปดูเอาเองละกันว่าร้านไหนจริงร้านไหนปลอม" เจ้าของลิขสิทธิ์ควรออกมา take action ค่ะ ไม่ใช่ให้ผู้บริโภคไปดูเอง" สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจที่ Subway ไม่ได้ดำเนินการกับสาขาที่ละเมิดสิทธิ์อย่างเด็ดขาด กลับปล่อยให้เปิดขายต่อไป ทำให้ผู้บริโภคต้องเสี่ยงกับการได้รับสินค้าและบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน
ขณะที่อีกรายแสดงความกังวลว่า "ยกเลิก franchise แต่ดันปล่อยให้เปิดขายได้ภายใต้แบรนด์ แต่ให้ผู้บริโภคคอยสังเกตและดูสาขาเอาเอง…??? อีกหน่อยคงโบกมือลาอีกแบรนด์แน่นอน" เป็นการตั้งคำถามถึงอนาคตของแบรนด์ Subway ในประเทศไทย หากยังคงบริหารจัดการปัญหาแบบนี้ต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีผู้ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่สมเหตุสมผลในการยกเลิกสัญญา แต่ยังคงอนุญาตให้ใช้ชื่อแบรนด์ได้ โดยระบุว่า "เดี๋ยวนะ ยกเลิกแฟรนไชส์มันก้คือห้ามมีการขายภายใต้ชื่อแบรนด์ปะครับ ทำไมต้องผลักภาระให้ผู้บริโภค แถมจริงๆมันก็สร้างความเสียหายให้แบรนด์เองด้วย หรือผมเข้าใจอะไรผิด??? มันไม่เมกเซนส์เท่าไรนะ"
ประเด็นเรื่องแอปพลิเคชันสั่งอาหารก็เป็นอีกหนึ่งข้อกังขา เนื่องจากมีผู้พบว่า สาขาที่ปรากฏในแอปฯ บางสาขาไม่ได้อยู่ในรายชื่อแฟรนไชส์ที่ได้รับอนุญาต "แล้วในแอปสั่งอาหารล่ะคะ อันนี้ไม่มีในรายชื่อ franchise ที่ยังอยู่ เรากินประจำแถวบ้านค่ะ เพราะสาขาในปั๊มเยอะมากๆ ทำไมยังให้เปิดทั้งที่ประกาศว่า franchise มีสาขาเท่ารูปแรก"
กระทั่งมีผู้แชร์ประสบการณ์การสั่งอาหารผ่านแอปฯ แล้วได้รับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน "เราสั่งผ่านแอปสั่งอาหารค่า ถุงกับกระดาษห่อไม่มีลายซับเวย์ ซอสขาดหลายรายการ ผักก็ขาดหลายรายการ แฮมลูกทานก็มีแต่มัน ปกติลูกจะทานหมดชิ้นค่า ถ้าร้านที่หมดสัญญาควรเปลี่ยนชื่อมั้ยคะ ป้องกันความสับสน" ยิ่งตอกย้ำถึงปัญหาคุณภาพและความคลุมเครือในการให้บริการของ Subway ในปัจจุบัน
จากเสียงสะท้อนของชาวเน็ต แสดงให้เห็นว่า Subway จำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคกลับคืนมา มิเช่นนั้น อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความยั่งยืนของแบรนด์ในระยะยาว
Subway แบรนด์แซนด์วิชระดับโลก มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในประเทศไทยมาแล้วถึง 2 ครั้ง เริ่มต้นจากปี 2019 Subway โดยมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็น Top 3 ในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน หรือ QSR ซึ่งมีมูลค่าตลาดสูงถึง 47,700 ล้านบาท โดยวางแผนขยายสาขาให้ครบ 1,000 สาขา ภายใน 10 ปี ต่อมาได้ทีการเปลี่ยนแปลงของการบริหารงาน
โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ นำมาซึ่งความท้าทายครั้งใหม่ของ Subway โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีดราม่า 105 สาขาที่ถูกยกเลิกสิทธิ์ แต่ยังคงเปิดดำเนินการ ซึ่งระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย
สิ่งสำคัญที่ Subway คือ การสร้างภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และการสร้างแบรนด์ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคกลับคืนมา และผลักดันให้ Subway ประสบความสำเร็จในประเทศไทย เช่นเดียวกับในสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่ Subway ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี ของ Subway ในประเทศไทย หาก บริษัทสามารถนำบทเรียนที่ผ่านมา มาปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจ เชื่อว่า Subway จะสามารถสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ และครองใจผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างแน่นอน
สถานการณ์ปัจจุบันของ Subway ประเทศไทย นับว่าอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แม้จะก่อให้เกิดความคาดหวังในแง่ของการพลิกฟื้นธุรกิจ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ายังคงต้องเผชิญกับปัญหาตกค้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณี 105 สาขาที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์แฟรนไชส์ ซึ่งยังคงดำเนินกิจการและสร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค
อนาคตของ Subway จะดำเนินไปในทิศทางใด ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตามอง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ Subway ต้องตระหนักและให้ความสำคัญสูงสุด คือ "ความไว้วางใจของลูกค้า" การแก้ไขปัญหาอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส และเด็ดขาด จะเป็นกลไกสำคัญในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ และนำพา Subway กลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอีกครั้ง
ข้อเสนอแนะสำหรับ Subway
Subway เคยเป็นแบรนด์แซนด์วิชชั้นนำที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และความหลากหลายของเมนู หากบริษัทสามารถบริหารจัดการปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำพา Subway ฝ่าฟันวิกฤตการณ์นี้ไปได้ เชื่อมั่นว่า Subway จะสามารถกอบกู้ชื่อเสียงและกลับมาครองใจผู้บริโภคชาวไทยได้ในที่สุด
อ้างอิง Subway Thailand