หลังจากเผชิญมรสุม ‘ยอดสมาชิกลดลงเป็นครั้งแรก’ เมื่อไตรมาสแรกปีนี้ และลดต่อเนื่องอีกถึงเกือบล้านบัญชีในไตรมาส 2 ล่าสุด ‘Netflix’ สามารถกลับมาผงาดได้อีกครั้งแล้วกับตัวเลขไตรมา 3 ที่ปั้นยอดสมาชิกเพิ่มได้มากถึงกว่า 2.5 ล้านคน หรือมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึงกว่า 1 ล้าน
ปัจจัยบวกหลักๆ เป็นเพราะมีโชว์ฮิตแนวไซไฟทริลเลอร์ อย่าง Stranger Things ซีซั่นที่ 4 และซีรีส์ทนายสาวเกาหลี Extraordinary Attorney Woo มาช่วยชีวิตไว้ จนแพลตฟอร์มกวาดสมาชิกเพิ่มจากเอเชีย-แปซิฟิกได้ถึง 1.43 ล้านคน
ตัวเลขที่ชุบชีวิตใหม่ให้บริษัทในรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 นี้ ดันให้ราคาหุ้นของ Netflix ทะยานขึ้นทันทีถึง 14.38% ไปอยู่ที่ 275.5 ดอลลาร์สหรัฐ จากแรงซื้อในช่วง after hours หรือช่วงเทรดหลังตลาดปิด
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้ Netflix ไม่ได้มาพร้อมผลประกอบการน่าประทับใจเท่านั้น แต่ยังมาแง้มแพลนเก็บเงินคนแชร์รหัสบัญชีที่ Netflix บอกว่าจะเริ่มตั้งแต่ต้นปีหน้าด้วย
โดยจากแถลงการณ์ของ Netflix ทางแพลตฟอร์มจะบังคับให้ผู้ที่แชร์พาสเวิร์ดจ่ายเงินเพื่อสร้าง ‘บัญชีผู้ใช้รอง’ เพิ่มสำหรับคนที่เข้าใช้แอคเคาท์ในนอกพื้นที่บ้าน และจะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่เคยยืมบัญชีคนอื่นชมคอนเทนต์ โอนข้อมูลการใช้บัญชี รวมไปถึงการตั้งค่า และประวัติการชมคอนเทนต์ต่างๆ เข้าไปในบัญชีใหม่
ซึ่งนี่ก็เป็นฟังก์ชั่นที่คล้ายกับสิ่งที่ Netflix เคยปล่อยนำร่องไปแล้วในกลุ่มประเทศละตินอเมริกา 5 ประเทศ คือ อาร์เจนตินา, เอลซัลวาดอร์, กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส และ โดมินิกัน คือการให้ผู้ใช้ที่เป็นบัญชีหลักสร้าง ‘Home’ ขึ้นมาแล้วจ่ายเงินเพิ่มเพื่อสร้างบัญชีรอง บัญชีละประมาณ 2.13-2.92 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้ผู้ใช้ที่เข้าบัญชีจากพื้นที่นอกบ้านสามารถใช้บริการของ Netflix ได้
โดย Netflix จะตรวจจับบัญชีที่มีการเข้าชมจากภายนอกบ้านบ่อยครั้ง และส่งข้อความให้ ‘ยืนยัน’ ว่าผู้ที่ลงชื่อเข้าใช้นั้นได้รับอนุญาตจากเจ้าของบัญชี ผ่านเลขยืนยันสี่หลัก
จากการรายงานของ Rest of World ผู้ใช้บัญชีในประเทศเหล่านี้จะถูกเรียกให้จ่ายเงินก่อนเข้าใช้บัญชี ถ้าระบบตรวจพบการเข้าใช้นอกพื้นที่ ‘บ้าน’ ที่ผู้ใช้อยู่ตอนลงทะเบียนกับ Netflix ซึ่งก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายจนเกิดแฮชแท็ก #ChauNetflix หรือ ‘ลาก่อนเน็ตฟลิกซ์’ ขึ้นในทวิตเตอร์ และผู้ใช้บางคนที่ให้สัมภาษณ์กับ Rest of World ถึงกับยกเลิกสมาชิกทันทีที่ได้ยินข่าว
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานออกมาจากทางฝั่ง Netflix อย่างเป็นทางการว่าระบบนำร่องที่นำมาใช้นี้ส่งผลต่อจำนวนผู้ใช้ใน 5 ประเทศดังกล่าวอย่างไร แต่การที่ Netflix ตัดสินใจประกาศใช้ระบบคล้ายกันนี้กับทั่วโลกในต้นปีหน้า ก็ทำให้เราคาดได้ว่าโครงการนำร่องนี้อาจให้ผลตอบรับเป็นที่น่าพึงพอใจ(สำหรับบริษัท)
การบังคับให้ผู้ใช้จ่ายเงินซื้อแอคเคาท์รองเพิ่มนี้ เป็นหนึ่งในความพยายามของ Netflix ที่จะเรียกรายได้เพิ่ม ชดเชยกับยอดที่เสียไปจากการที่ผู้ใช้บางส่วนแชร์รหัสกันเพื่อหลีกเลี่ยงไม่จ่ายค่าสมาชิก และจำนวนสมาชิกที่ลดลง 200,000 คนในไตรมาสที่ 1 และ 970,000 คนในไตรมาสที่ 2
จากข้อมูลของ Netflix ในเดือนเมษายน 2023 มีผู้ใช้กว่า 100 ล้านครัวเรือนทั่วโลกแชร์รหัสสมาชิกเพื่อเข้าถึงคอนเทนต์อยู่โดยไม่จ่ายเงิน โดย 30 ล้านครัวเรือนนั้นอยู่ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
นอกจากนี้ เพื่อดึงให้ผู้ใช้ที่ยกเลิกสมาชิก หรือคนที่ยังไม่สมัครสมาชิกเข้ามา Netflix ยังได้ประกาศออกแพลนใหม่เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม โดยเป็นแพ็คเกจแบบมีโฆษณาเพื่อแลกกับราคาที่ถูกลง เพื่อนำร่องใช้ใน 12 ประเทศ ในวันที่ 3 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ด้วย
โดยแพลนใหม่นี้จะมีราคาเพียง 6.99 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ซึ่งถูกกว่าแพลนที่ถูกที่สุดที่ Netflix มีตอนนี้ในราคา 10 ดอลลาร์ และถูกกว่าแพลนแบบมีโฆษณาของคู่แข่งทุกเจ้า ซึ่งเมื่อเริ่มไปแล้ว ก็อาจจะต้องมาดูกันต่อไปว่าแพลนดังกล่าวจะเรียกเสียงตอบรับอย่างไร และจะช่วยเพิ่มจำนวนสมาชิกอย่างที่ Netflix หวังไว้หรือไม่
เพราะจากรายงานผลประกอบการ Netflix คาดการณ์ว่าตัวเองจะได้ผู้ใช้ใหม่ถึง 4.5 ล้านคนในไตรมาสแรกของปีหน้า โดยหวังให้ทั้งแพลนใหม่และโชว์ฮิตเช่น The Crown ซีซีน 5 ที่กำลังจะออกฉายบนแพลตฟอร์มวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ช่วยเรียกแขก
ที่มา: The Verge, MarketWatch, CNBC, Rest of World