CZ หรือ จ้าว ฉางเผิง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Binance กระดานเทรดคริปโทเบอร์ 1 ของโลกประกาศข่าวช็อควงการด้วยการ ‘ลาออก’ จากตำแหน่งซีอีโอ หลังจากรับสารภาพความผิดฐานละเมิด พ.ร.บ. ความลับของธนาคาร และถูกกล่าวหาว่าละเมิดข้อกำหนดต่อต้านการฟอกเงินของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เขาต้องรับผิดชอบค่าปรับกว่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ (1.51 แสนล้านบาท)
สำหรับลำดับเหตุการณ์โดยย่อของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คือ
ท่ามกลางความคุกรุ่นที่เกิดขึ้นกับ Binance และการลงจากตำแหน่งของ CZ ก็มีการเปิดตัวซีอีโอคนใหม่ ก็คือ ‘Richard Teng’ หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงที่จะมารับหน้าที่ต่อจาก CZ ซึ่งต้องมารับมือกับการดำกิจการบริษัทต่อไปในช่วงที่บริษัทกำลังอยู่ท่ามกลางมรสุมคดีความจากทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรรม และหลายหน่วยงานของสหรัฐ
แต่การมาของ Richard Teng อาจเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับ Binance เพราะก่อนที่ซีอีโอ Binance สาขาสิงคโปร์ผู้นี้จะมารับไม้ต่อจาก CZ นั้น เขาเคยมีประสบการณ์ด้านบริการทางการเงินและการกำกับดูแลทางการเงินมาอย่างยาวนานกว่าสามทศวรรษ อาทิ CEO ของ Financial Services Regulatory Authority ที่ Abu Dhabi Global Market (ADGM) หนึ่งในหน่วยงานกำกับดูแลด้านนวัตกรรมที่สำคัญที่สุดของโลก ประธานเจ้าหน้าที่กำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินองค์กรที่ Monetary Authority of Singapore
โดย Richard Teng ระบุถึงสิ่งที่เขาจะโฟกัสหลังเข้ารับตำแหน่ง 3 ข้อว่า
1) ทำให้ผู้ใช้มั่นใจในความแข็งแกร่งทางการเงิน ความปลอดภัย และความมั่นคงของบริษัท
2) ร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก เพื่อรักษามาตรฐานระดับสูงที่ส่งเสริมนวัตกรรม ในขณะเดียวกันก็ให้การคุ้มครองที่สำคัญแก่ผู้ใช้
3) ทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต และการนำ Web3 ไปใช้
จากระเบิดโลกคริปโทที่เกิดขึ้นลูกแล้วลูกเล่าอย่าง Terra, Celcius, FTX ฯลฯ อาจทำให้ตลาดกังวลว่า การลาออกของ CZ รวมถึงคดีความของ Binance ในครั้งนี้จะสร้างแรงกระเพื่อมต่อวงการอย่างไร?
Cryptomind Advisory เผยมุมมองของนักวิเคราะห์ที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่า
‘นี่เป็นปัจจัยบวกมากต่อการดำเนินการในระยะยาว’
เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้เปรียบเสมือนการที่ CZ ยอมกลับไปติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาร้ายแรงในอนาคต แม้จะแลกมาด้วยบทลงโทษที่หนักพอสมควร โดย CZ ได้เน้นย้ำว่าทาง Binance ไม่ได้โดนข้อหาเรื่อง “การนำเงินของลูกค้าไปใช้ในทางที่ ผิด” เหมือน Exchange อื่นที่เคยล่มไป และ “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปั่นราคา” ซึ่งจุดนี้ก็น่าจะคลาย ความกังวลของลูกค้า Binance ได้บ้าง
แต่สิ่งที่คนยังกังวลอยู่นั้นคือเรื่องของเงินตัวเองที่ฝากไว้บน Exchange จะยังปลอดภัยหรือไม่? จึงทำให้มีลูกค้าบางส่วนแห่ถอนสินทรัพย์ออกมามูลค่าราว ‘1,000 ล้านดอลลาร์’ ในช่วง 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา แต่ก็คิดเป็นมูลค่าเพียง 1.5% ของทรัพย์สินทั้งหมดที่ อยู่ใน Binance เท่านั้น และการที่ CZ จะต้องลงจากตำแหน่งซีอีโอนั้น แม้จะไม่มีตำแหน่งในการบริหารแล้ว แต่ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นอยู่
การเคลื่อนไหวต่อจากนี้ของ Binance จะราบรื่นด้วยดี แต่อาจจะมีอุปสรรคมากขึ้น จากการที่มี Regulator เข้ามามีบทบาทควบคุมมากขึ้น ทำให้อาจจะขยับตัวได้ช้ากว่าแต่ก่อน แต่นั่นก็แลกมากับการที่ได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม การตอบสนองของนักลงทุนในตลาดต่อข่าวใหญ่ของ Binance นั้นสะท้อนว่าเหตุการณ์นี้ไม่มีความน่ากังวลมากนัก เมื่อเทียบกับวิกฤตการณ์ครั้งก่อน ๆ ซึ่งอดีตก็เคยมีเหตุการณ์คล้ายคลึงกันที่ CEO ของ Bitmex ลาออกจากการถูกฟ้องร้อง แต่สุดท้ายตลาดก็ไม่ได้ร่วงแรงและตลาดโดยรวมยังคงปรับตัวขึ้นเรื่อย ๆ
จึงอาจสรุป ได้ว่านี่จะเป็นปัจจัยบวกที่จะไม่มีข่าวร้ายแรง ๆ มาสู่ตลาดแล้ว และ Binance ยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากผู้คนในวงการคริปโทเหมือนเดิม แต่ก็ยังคงต้องติดตามต่อไปว่า Exchange เจ้าอื่น ๆ จะถูกฟ้องเหมือนพี่ใหญ่อย่าง Binance หรือไม่? และผลการตัดสินคดีความของ Coinbase, Kraken และ Tether นั้นจะจบลงอย่างไร
โดยก่อนจะเกิดเหตุการณ์การล่าออกของ CZ และมรสุมบริษัทของ Binance ไม่นาน เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ‘Gulf Binance’ กระดานเทรดที่เกิดจากการร่วมมือของ Gulf และ Binance โดยได้รับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล สำหรับบริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) และ นายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) ของทั้งคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) และโทเคนดิจิทัล (Digital Token)
Gulf Binance จะเปิดให้ผู้ใช้งานที่ได้รับการเชิญเท่านั้น (by invitation only) ก่อนและมีกำหนดจะเปิดเป็นการทั่วไปในช่วงต้นปี 67 นี้
ที่มา : DOJ, CoinTelegraph, Bloomberg, Hindustan Times, Reuters, The Block, CNA