ข่าวร้าย...!! มีรายงานว่า เทสล่า จะลดพนักงานทั่วโลกมากกว่า 10% จากจำนวนพนักงานปัจจุบันที่มีอยู่ 140,000 คน
จากรายงานของทาง CNN ระบุว่า บริษัท Tesla กำลังจะทำการลดขนาดพนักงาน สาเหตุเกิดขึ้นจากการที่เทสล่าต้องการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มผลผลิต ภายใต้แรงกดดันจากการแข่งขันที่สูงขึ้นและยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ลดลง โดยเมื่อเร็วๆนี้ทาง อีลอน มัสก์ CEO ของเทสล่า ได้ทำการส่งอีเมลที่ส่งถึงพนักงานในช่วงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยเนื้อหาของอีเมลที่หลุดออกมาและมีการรายงานจากสำนักข่าว Reuters โดยอีเมลที่ อีลอน มัสก์ อ้างว่าสาเหตุของการลดพนักงานนั้นมาจากความจำเป็นในการ "ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และ เราได้ตรวจสอบองค์กรอย่างละเอียดแล้ว จึงได้ตัดสินใจลดจำนวนพนักงานทั่วโลกมากกว่า 10% ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก" นอกจากนี้โดยในอีเมลไม่ได้มีการพูดถึงยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ชะลอตัว หรือยอดขายของเทสล่าโดยตรง สำหรับข้อมูลอีเมลนี้ถูกรายงานครั้งแรกโดย Electrek เว็บไซต์ข่าวยานยนต์ไฟฟ้า และได้รับการรายงานเพิ่มเติมจาก Reuters ด้วย
นอกจากนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ ได้โพสต์ลงบนแพลตฟอร์ม X ว่า "ประมาณทุก 5 ปี เราจำเป็นต้องปรับปรุงและคล่องตัวองค์กรสำหรับการเติบโตระยะต่อไป" เป็นการโต้ตอบกับโพสต์ที่พูดถึงการลดพนักงานและการลาออกของผู้บริหารระดับสูงสองคน คือ Drew Baglino และ Rohan Patel.
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เทสล่าลดพนักงาน เคยมีประกาศลดพนักงาน 7% ในปี 2019 และในปี 2022 เทสล่าได้ลดพนักงานประจำลงประมาณ 10% ขณะเดียวกันก็ยังคงจ้างพนักงานรายชั่วโมงเพิ่ม
การลดพนักงานในปี 2022 ได้รับการยืนยันจาก อีลอน มัสก์ CEO ของบริษัท แต่ทั้งเขาและทางเทสล่าไม่ได้ออกมายืนยันการลดพนักงานรอบล่าสุดนี้ เนื่องจากทาง บริษัท เทสล่า ไม่ได้มีฝ่ายประชาสัมพันธ์ และไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ถึงแม้ว่าทาง เทสล่า จะได้เปิดโรงงานใหม่ทั้งในเยอรมนีและเท็กซัสเมื่อปี 2022 และเพิ่งประกาศแผนสร้างโรงงานในเม็กซิโก แต่การเติบโตของพนักงานเริ่มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากเพิ่มพนักงาน 40% ในปี 2021 และเพิ่มอีก 29% ในปี 2022 ช่วงปี 2023 อัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียงไม่ถึง 10% ตามเอกสารของบริษัท ซึ่งส่งผลให้จำนวนพนักงานทั่วโลกอยู่ที่ 140,473 คนเมื่อสิ้นปีที่แล้ว
เทสล่าได้รายงานตัวเลขยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าไตรมาสแรกของปีนี้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงที่มีการระบาดใหญ่เมื่อสี่ปีก่อน นอกจากนี้ในไตรมาสที่ผ่านมาเทสล่าเคยครองตำแหน่งผู้นำด้านยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก แต่ต้องเสียตำแหน่งให้กับผู้ผลิตรถยนต์ BYD ของจีน อย่างไรก็ดี การลดลงของยอดขายไม่กระทบมากนักและเทสล่าสามารถกลับมาครองตำแหน่งเดิมได้อีกครั้งในไตรมาสแรกนี้
ผลประกอบการย้อนหลัง 4 ปี บริษัท Tesla (TSLA)
โดยล่าสุดในเช้าวันจันทร์ หุ้นของเทสล่า ซึ่งลดลงไปแล้ว 31% ในปีนี้ ร่วงลงอีก 3% หลังจากมีรายงานข่าวการลดพนักงาน
นอกจากเทสล่าแล้ว ค่ายรถยักษ์ใหญ่เช่น General Motors และ Ford ก็ได้ลดกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ลงเช่นกัน เนื่องจากความต้องการซื้อที่น้อยกว่าคาดการณ์ไว้ โดยภาพรวมยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วทั้งอุตสาหกรรมยังคงเติบโตอยู่ แต่ไม่รวดเร็วเท่าที่คาดไว้ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นถึง 40% ในปีที่แล้ว และทะลุหลัก 1 ล้านคันเป็นครั้งแรก
ที่มา CNN