ธุรกิจการตลาด

ถอดความสำเร็จ Rolling Loud Thailand ทุ่มงบ ‘พันล้าน’ หวังยกระดับไทย สู่มาตรฐานโลก

13 มิ.ย. 67
ถอดความสำเร็จ Rolling Loud Thailand ทุ่มงบ ‘พันล้าน’ หวังยกระดับไทย สู่มาตรฐานโลก
ไฮไลท์ Highlight
“ยอมลงทุนแบบ full scale และไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับผลกำไรในปีแรก เพราะการจัด Music Festival คือ การลงทุนระยะยาว แต่เรายอมใส่เต็มที่ เพื่อให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ชม และหวังยกระดับมาตรฐานไทยให้เทียบเท่าระดับสากล”

ถอดความสำเร็จ Rolling Loud Thailand ทุ่มงบ ‘พันล้าน’ หวังยกระดับไทย สู่มาตรฐานโลก

หากใครที่เป็นสายดนตรีฮิปฮอป หนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ใฝ่ฝันอยากไปสัมผัสให้ได้สักครั้งในชีวิต คงหนีไม่พ้น Rolling Loud เทศกาลดนตรีฮิปฮอปยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก สัญชาติสหรัฐอเมริกัน ที่เคยมีผู้ร่วมงานในงานแล้วมากกว่า 210,000 คน หากเปรียบเทียนสเกลความยิ่งใหญ่ให้เห็นภาพง่ายๆ Rolling Loud เป็นรองเพียงแค่เทศกาล Coachella และ เทศกาล Tomorrowland เท่านั้น

แม้ว่าไมอามีจะถือว่า เป็นยานแม่ ของเทศกาลดนตรี Rolling Loud แต่เทศกาลนี้ก็ได้ไปบุกเมืองใหญ่ ๆ มาแล้วทั่วโลก ทั้งซานฟรานซิสโก, ลอสแอนเจลิส, นิวยอร์ก และซิดนีย์ ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ จากทุกพื้นที่ที่ไปจัดงาน

เช่นเดียวกันกับประเทศไทย ได้ลิขสิทธิ์ Rolling Loud ปีนี้เป็นปีที่ 2 ถือเป็นครั้งแรกในอาเซียน แต่บอกเลยว่ากว่าจะดีลให้เทศกาลดนตรีระดับโลก มาจัดงานที่ประเทศไทยไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นเม็ดเงินลงทุนอย่างมหาศาล ความพร้อมด้านศักยภาพและความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ หรือการดูแลความปลอดภัยที่หนาแน่น

บทความนี้ SPOTLIGHT ได้สรุปสาระสำคัญการเสวนา How to Do Global Business Locally : เมื่อต้องทำงานระดับโลกในไทย ถอดบทเรียน Rolling Loud Thailand เทศกาลดนตรีฮิปฮอปจากอเมริกา โดยดร.วาสนา อินทะแสง และ คุณศิรวัฒน์ เทพเจริญ จากงาน Creative Talk Conference 2024

Creative talk 2024 Rolling Loud

รู้จัก Rolling Loud เทศกาลดนตรีฮิปฮอประดับโลก

Rolling Loud เกิดขึ้นจาก 2 เพื่อนสนิท Matt Zingler และ Tariq Cherif ผู้ที่หลงไหลในดนตรีฮิบฮอป หลังจากที่พวกเขาได้ก่อตั้งบริษัทร่วมกันในชื่อ Dope Entertainment ทำให้ทั้งคู่มีโอกาสได้เดินทางไปร่วมคอนเสิร์ตมากมายในสหรัฐ และได้พบว่า ไลฟ์มิวสิคในสหรัฐยังขาดงานเทศกาลดนตรีที่โฟกัสแนวดนตรีฮิปฮอป ทั้งคู่จึงมองเห็นโอกาสและช่องทางที่จะสร้างงานอีเวนต์ที่จะเป็นเวทีให้กับศิลปินเพลงแร็ปในกระแส เช่นเดียวกับเปิดพื้นที่ศิลปินแร็ปคนอื่น ๆ ได้แสดงความสามารถของตัวเอง 

สำหรับเทศกาลดนตรี Rolling Loud ได้กำเนิดครั้งแรกเมื่อปี 2015 โดยเป็นเพียงแค่งานอีเวนต์ 1 วัน ณ Soho Studio ในไมอามี แต่กลับมีผู้ร่วมงานกว่า 6,000 คน Rolling Loud ค่อย ๆ เติบโตและได้รับความรู้จักจากเหล่าแฟนเพลงฮิปฮอปจากทั่วโลก ทำให้จำนวนผู้เข้าร่วมงานในแต่ละปีเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นอย่างมาก ในระยะเวลาเพียง 4 ปีตั้งแต่เริ่มต้นจัดงาน Rolling Loud มีผู้ชมเข้าร่วมงานแล้วกว่า 210,000 คน 

 ถอดความสำเร็จ Rolling Loud Thailand ทุ่มงบ ‘พันล้าน’ หวังยกระดับไทย สู่มาตรฐานโลก

กว่าจะดีล Rolling Loud Thailand ได้สำเร็จ

คุณศิรวัฒน์ เทพเจริญ CEO More Money Entertainment ได้เล่าว่า “ตนได้บินไปดู Rolling Loud ที่ Miami และมองเห็นว่าประเทศไทยของเราก็มีศักยภาพเพียงพอที่จะสามารถจัดงานดนตรีฮิปฮอประกับโลกได้เช่นกัน”

ผู้จัดใช้เวลาดีลนานกว่า 1 ปี กว่าผู้จัดสหรัฐ จะยอมตอบตกลง เช่นเดียวกันกับ ผู้จัดในประเทศไทยต้องมีการพิสูจน์ความพร้อมรอบด้านที่ต้องเป๊ะทุกกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็น

  • Maps แต่ละเวที ผู้ชมต้องสามารถเดินได้ง่าย สะดวก

  • การโชว์ศักยภาพความพร้อมในด้านพื้นที่การจัดงาน พื้นที่ต้องสามารถรองรับผู้ชมได้มากกว่า 1 แสนคน/ วัน

  • บูธอาหาร และเครื่องดื่ม ต้องมีความหลากหลาย อร่อย ถูกปากคนทุกประเทศ

  • ความปลอดภัยที่แน่นหนา เช่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องเพียงพอ ทีมแพทย์ในพื้นที่จัดงาน รวมไปถึง รถพยาบาลฉุกเฉินที่ต้องคอยประจำในพื้นที่จัดงาน

คุณศิรวัฒน์ ยังได้กล่าวเสริมว่า “ในปีแรกในการจัดงาน Rolling Loud Thailand ผู้จัดสหรัฐ ต้องบินมายังประเทศไทย เพื่อคุมทีมไทยทุกกระบวนการ แม้จัดในประเทศไทยแต่ผู้ชมต้องรับความรู้สึกประทับใจ และยิ่งใหญ่เหมือนไปดู Rolling Loud ต้นฉบับอย่างสหรัฐ”

ถอดความสำเร็จ Rolling Loud Thailand ทุ่มงบ ‘พันล้าน’ หวังยกระดับไทย สู่มาตรฐานโลก

Travis Scott เปลี่ยน stage 45 นาที ใช้งบถึง 15 ล้านบาท  

หากเราเคยไปงาน Music festival ระดับโลก จะพบว่า การที่ศิลปินแต่ละคนขึ้นแสดงบนเวที นอกเหนือจากตัวศิลปินที่เป็นคนเอ็นเตอร์เทนสร้างความสนุกให้คนดูแล้ว ศิลปินต้องอาศัยองค์ประกอบอื่นๆ ที่ทำให้ส่งเสริมศิลปินและสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ชม ไม่ว่าจะเป็น โปรดักชั่น แสง สี เสียง ไฟ และเวที

ดร.วาสนา อินทะแสง Executive Committee More Money Entertainment ได้เปิดเผยว่า การเปลี่ยนเวทีของ Travis Scott แร็ปเปอร์ชื่อดังชาวสหรัฐ ใช้เวลานานถึง 45 นาที ซึ่งการเปลี่ยนเวทีครั้งนี้คือการเปลี่ยนใหม่ยกเซ็ทเหมือนกับเวทีใหม่ ทำให้ใช้งบประมาณกว่า 15 ล้านบาทในการรังสรรค์เวทีใหม่

ส่วนอีกหนึ่งหน้าที่ของผู้จัดงาน คือ การสร้างสรรค์แต่ละเวทีออกมาให้ตรงใจศิลปินมากที่สุด เช่นเดียวกับการเปลี่ยนเวทีของแต่ละศิลปินต้องมีความกลมกล่อมที่สุด และต้องทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจระหว่างการเปลี่ยนโชว์

ถอดความสำเร็จ Rolling Loud Thailand ทุ่มงบ ‘พันล้าน’ หวังยกระดับไทย สู่มาตรฐานโลก

ยอม‘ขาดทุน’ในปีแรก เพื่อสร้างมาตรฐานระดับโลก

ผลประกอบการ บริษัท มอร์มันนี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ปี 2565

จดทะเบียนบริษัทเมื่อ 19 กรกฎาคม 2565 

รายได้ : 6,548 บาท

กำไร (ขาดทุน) สุทธิ : -29,856,827 บาท

คุณศิรวัฒน์ เทพเจริญ CEO More Money Entertainment เปิดเผยว่า แม้รู้ตั้งแต่แรกว่า การทำ Music Festival จะต้องขาดทุนในปีแรก แต่ก็พร้อมจัดงาน เพราะถือว่าค่าประสบการณ์ต้องมีราคา

“ยอมลงทุนแบบ full scale และไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับผลกำไรในปีแรก เพราะการจัด Music Festival คือ การลงทุนระยะยาว แต่เรายอมใส่เต็มที่ เพื่อให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ชม และหวังยกระดับมาตรฐานไทยให้เทียบเท่าระดับสากล”

ถอดความสำเร็จ Rolling Loud Thailand ทุ่มงบ ‘พันล้าน’ หวังยกระดับไทย สู่มาตรฐานโลก

ผู้ชม Rolling Loud คือ กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ พร้อมจ่าย

Rolling Loud คืองานเทศกาลดนตรีฮิปฮอประดับโลก ที่มีศิลปินแนวหน้ามากมาย จึงไม่แปลกหากบัตรเข้าชมจะมีราคาแพง แพงขนาดที่ว่าเริ่มต้น 12,400 - 2.5 ล้านบาท/โต๊ะ

  • ราคาบัตรธรรมดา : 12,400 บาท

  • ราคาบัตร VIP : 20,000 บาท

  • ราคาโต๊ะ VVIP หรือ LOUD CLUB มีราคาสูงถึง 2.5 ล้านบาท / โต๊ะ (ถูกจองเต็มหมดแล้ว)

กลุ่มลูกค้าหลัก เป็นกลุ่มคนพรีเมี่ยม มีกำลังซื้อที่มีศัยภาพในการจ่าย โดยผู้จัดได้เผยว่าสัดสวนผู้เข้าชมในปีแรก เป็นชาวไทยเพียง 20% และ 80% เป็นชาวต่างชาติที่มีหลากหลายเชื้อชาติ ตั้งแต่สหรัฐ อินเดีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และชาวยุโรป แต่ในปีนี้ผู้จัดตั้งเป้าผู้ชมคนไทยเพิ่มขึ้นถึง 40% และ 60% ยังคงเป็นชาวต่างชาติ

ถอดความสำเร็จ Rolling Loud Thailand ทุ่มงบ ‘พันล้าน’ หวังยกระดับไทย สู่มาตรฐานโลก

Rolling Loud Thailand 2024 ต้องยิ่งใหญ่กว่าเดิม สอดแทรก Soft Power ทุกมิติ

สำหรับในปีนี้ Rolling Loud Thailand 2024 จะจัดขึ้นในวันที่ 22-23 พ.ย. 67 ที่ Legend Siam พัทยา โดยทางผู้จัดมีการลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าจ้างศิลปิน กว่า 500 ล้านบาท ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นในด้านโปรดักชั่น เพื่อสร้างความอลังการให้แก่แสง สี เสียง ไฟ รวมถึงมีการปรับพื้นที่ให้รองรับคนได้มากกว่า 1 แสนคน/วัน

คุณศิรวัฒน์ เทพเจริญ CEO More Money Entertainment  เผยว่า Rolling Loud Thailand 2024 พร้อมเอาข้อตกหล่นบกพร่องจากปีที่แล้ว เพื่อมาพัฒนาต่อยอดในปีนี้ โดยในปีนี้มีการนำExperiences full versions มาจากสหรัฐ เช่น cultural theme park โดยมีการนำเทคโนโลยีปรับใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้มากขึ้น

ภายในงานจะมีการผสมผสาน สอดแทรก soft power ของประเทศไทยในทุกๆจุด ตั้งแต่การตกแต่งข้างหน้า ที่มีรูปปั้นยักษ์ ผสมผสานกับ ศิลปะมวยไทย

ถอดความสำเร็จ Rolling Loud Thailand ทุ่มงบ ‘พันล้าน’ หวังยกระดับไทย สู่มาตรฐานโลก

หนึ่งในฟันเฟือง กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ผ่านการมาเยือนของศิลปินระดับโลก

ดร.วาสนา อินทะแสง Executive Committee More Money Entertainment เผยว่า การจัด Rolling Loud จะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ตั้งแต่ มอเตอร์ไซค์ สามล้อ ตุ๊กๆ โรงแรมที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว หรือ ร้านอาหาร ทุกอย่างจะได้รับอานิสงค์การมาเยือนของนักท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยม

เช่น เวลานักท่องเที่ยวมา Rolling Loud ประเทศไทย 3 วัน พองานคอนเสิร์ตเสร็จพวกเขาไม่ได้กลับประเทศของพวกเขาเลยแต่ยังอยู่เที่ยวต่อ และแน่นอนว่าการที่พวกเขาอยู่เที่ยวต่อ ก็จะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังถูกโปรโมทผ่านจากการมาเยือนของศิลปินระดับโลกมากมาย เช่น

  • Travis Scott มาเยือนประเทศไทยครั้งแรก
  • Central cee หลังจากจบ Rolling Loud Thailand 2023 Central Cee ได้ไปท่องเที่ยวต่อที่ภูเก็ต แล้วทำให้โรงแรมนั้นเต็มทั้งปี และยังมียาดมหงส์ไทย ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นหลังจาก central Cee ถือลง Instagram ของเขา

ถอดความสำเร็จ Rolling Loud Thailand ทุ่มงบ ‘พันล้าน’ หวังยกระดับไทย สู่มาตรฐานโลก

ตั้งเป้าไทยเป็น Entertainment Hub ในอาเซียน

เป้าหมายในการจัดงาน Rolling Loud Thailand คือต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Entertainment Hub ในอาเซียน ผ่าน 4 เป้าหมายหลัก

  1. ไทยสามารถจัดเทศกาลดนตรีระดับโลกได้ทัดเทียมเท่าระดับสากล

  2. กระตุ้นเศรษฐกิจไทยทุกๆ ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการท่องเที่ยว

  3. สะพานเชื่อมต่อธุรกิจระดับโลกเข้าสู่ไทยมากขึ้น

  4. ทำให้ศิลปินไทยมีชื่อเสียงในสายตาคนทั่วโลก

แต่การผลักดันจากภาคเอกชนไม่เพียงพอ แต่การสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งเป็นกระบอกเสียงสำคัญให้การผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น Entertainment Hub ในอาเซียน

“ เราอยากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เพราะกระบอกเสียงของภาครัฐ เป็นกระบอกเสียงที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนผ่านการโปรโมท หรือความร่วมมือผ่านททท.ที่สามารถนำเอาศิลปะ วัฒนธรรมไทยมาส่งเสริม” ซึ่งคุณวาสนา ได้กล่าวเสริมอีกว่า หากภาครัฐจับมือกับเอกชน ร่วมกันพัฒนา ก็จะทำให้เราประสบความสำเร็จเหมือนคอนเสิร์ต Taylor Swift ในสิงค์โปร์ได้ไม่ยาก 

 ถอดความสำเร็จ Rolling Loud Thailand ทุ่มงบ ‘พันล้าน’ หวังยกระดับไทย สู่มาตรฐานโลก

 

advertisement

SPOTLIGHT