ธุรกิจการตลาด

วิกฤต EV ถล่ม! 3 สตาร์ทอัพดังปรับตัวสู้ตลาดที่ซบเซา

21 มิ.ย. 67
วิกฤต EV ถล่ม! 3 สตาร์ทอัพดังปรับตัวสู้ตลาดที่ซบเซา

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างมากจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ EV หลายรายต้องปรับกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอด

บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาไปสำรวจ 3 บริษัทสตาร์ทอัพ EV ชั้นนำของสหรัฐฯ ได้แก่ Fisker, Rivian Automotive และ Lucid Group ว่าพวกเขาปรับตัวอย่างไรเพื่อรับมือกับตลาดที่ซบเซา และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรม EV ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

วิกฤต EV ถล่ม! 3 สตาร์ทอัพดังปรับตัวสู้ตลาดที่ซบเซา

วิกฤต EV ถล่ม! 3 สตาร์ทอัพดังปรับตัวสู้ตลาดที่ซบเซา

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า Fisker กลายเป็นสตาร์ทอัพ EV รายล่าสุด ที่ต้องยื่นขอคุ้มครองการล้มละลาย เนื่องจากปัญหาในการระดมทุน ยอดขายรถ SUV ไฟฟ้ารุ่น Ocean ที่ไม่เป็นไปตามเป้า รวมถึง อุปสรรคด้านห่วงโซ่อุปทานและการจัดจำหน่าย ก่อนหน้านี้ Fisker พยายามลดค่าใช้จ่ายด้วยการลดพนักงาน หยุดการลงทุน ผนึกกำลังกับตัวแทนจำหน่าย และหาผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เข้ามาลงทุน แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ สถานการณ์เช่นนี้ส่งผลให้สตาร์ทอัพ EV ในสหรัฐฯ ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอด ทั้งลดต้นทุนการผลิต ปรับลดพนักงาน และเร่งพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ราคาประหยัด เพื่อรับมือกับความต้องการที่ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้น

RIVIAN AUTOMOTIVE ปรับกลยุทธ์รับมือตลาด EV ชะลอตัว

วิกฤต EV ถล่ม! 3 สตาร์ทอัพดังปรับตัวสู้ตลาดที่ซบเซา

RIVIAN AUTOMOTIVE ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อรับมือกับภาวะตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ซบเซา โดยได้ปิดสายการประกอบชั่วคราวในปีนี้เพื่อปรับปรุงโรงงาน ลดต้นทุน และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากรถ SUV รุ่น R1S และรถกระบะ R1T และเพื่อกระตุ้นความต้องการและเพิ่มประสิทธิภาพ Rivian ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นที่สอง ซึ่งมาพร้อมระบบขับเคลื่อนใหม่ ซอฟต์แวร์ที่ได้รับการอัปเกรด และจำนวนชิ้นส่วนที่ลดลง นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดตัวรถรุ่นเดิมที่มีระยะทางวิ่งสั้นลงในราคาที่ถูกลงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยลังเลที่จะปรับลดราคา

Rivian มุ่งเน้นการลดการใช้จ่ายด้วยการเจรจาต่อรองสัญญาซัพพลายเออร์ใหม่ และผลิตชิ้นส่วนบางอย่างเอง ส่งผลให้เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดในไตรมาสแรกอยู่ที่ 5.98 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจาก 7.86 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สี่ นอกจากนี้ Rivian ยังได้เปิดตัวรถ SUV ไฟฟ้า R2 และรถครอสโอเวอร์ R3 ที่มีขนาดเล็กและราคาประหยัดกว่าในเดือนมีนาคม โดยมีแผนจะผลิต R2 ที่โรงงานในสหรัฐฯ เพื่อเร่งส่งมอบในช่วงครึ่งแรกของปี 2026

LUCID GROUP ปรับกลยุทธ์รับมือยอดขายตก

วิกฤต EV ถล่ม! 3 สตาร์ทอัพดังปรับตัวสู้ตลาดที่ซบเซา

Lucid Group ประกาศลดพนักงานในสหรัฐอเมริกาลง 6% ในเดือนพฤษภาคม หลังจากรายได้ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ติดต่อกัน 6 ไตรมาส โดย บริษัทปรับลดราคา Lucid Air Pure พร้อมมอบสิทธิพิเศษค่าบำรุงรักษาตามระยะเวลา 2 ปี และเครดิตชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าฟรี เพื่อกระตุ้นยอดขาย และเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว Lucid เปิดตัวรถยนต์ SUV รุ่น Gravity ซึ่งมีราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 80,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะเริ่มสายพานการผลิตภายในสิ้นปีนี้

Lucid ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (Public Investment Fund) ของซาอุดีอาระเบีย เตรียมเปิดตัวรถยนต์ขนาดกลางรุ่นใหม่ที่มีราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้นในช่วงปลายปี 2026 โดยตั้งเป้าราคาไว้ที่ประมาณ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อขยายฐานลูกค้า ในไตรมาสแรกของปีนี้ Lucid มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ 2.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 1.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่สี่ของปีที่แล้ว

NIKOLA หันมาลุยรถบรรทุกพลังไฮโดรเจน หลังรถบรรทุกไฟฟ้ามีปัญหา

วิกฤต EV ถล่ม! 3 สตาร์ทอัพดังปรับตัวสู้ตลาดที่ซบเซา

NIKOLA Corporation ได้ประกาศปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจ โดยมุ่งเน้นไปที่การผลิตรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน หลังจากที่รถบรรทุกไฟฟ้าบางคันของบริษัทประสบปัญหาไฟไหม้ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จนต้องมีการเรียกคืนผลิตภัณฑ์

บริษัทคาดว่า จะสามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายรถบรรทุกได้สูงถึง 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2024 โดยมีเป้าหมายในการจำหน่ายรถบรรทุกรวม 450 คันภายในปีนี้ ซึ่งรวมถึงรถบรรทุกไฟฟ้าที่ใช้พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนด้วย

อย่างไรก็ตาม ณ สิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ NIKOLA มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ 345.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งลดลงจาก 464.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนธันวาคม

สตาร์ทอัพปรับตัวรับมือความท้าทาย พร้อมส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงในราคาจับต้องได้

วิกฤต EV ถล่ม! 3 สตาร์ทอัพดังปรับตัวสู้ตลาดที่ซบเซา

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่ Fisker, Rivian Automotive และ Lucid Group กำลังเผชิญ สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่บริษัทสตาร์ทอัพด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ต้องเผชิญในตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความผันผวนสูงเช่นกัน ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค เช่น ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรง ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของบริษัทเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทเหล่านี้ไม่ได้ยอมแพ้ต่ออุปสรรค พวกเขาได้ปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ด้วยหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนการดำเนินงาน ปรับลดจำนวนพนักงาน เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต การปรับตัวเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวของบริษัทสตาร์ทอัพ EV ในการรับมือกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงในตลาด ถึงแม้ว่าอนาคตของอุตสาหกรรม EV ยังคงไม่แน่นอน แต่บริษัทเหล่านี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พวกเขามีความมุ่งมั่นที่จะเติบโตและประสบความสำเร็จในตลาด EV ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วนี้

สำหรับผู้บริโภค การที่บริษัท EV ปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายในตลาด เป็นสัญญาณที่ดีว่าพวกเขาจะสามารถเข้าถึงรถยนต์ EV ที่มีคุณภาพสูงในราคาที่สามารถแข่งขันได้มากขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ การแข่งขันที่รุนแรงในตลาด EV ยังเป็นแรงผลักดันให้บริษัทต่างๆ พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม EV ในระยะยาว ในขณะที่อุตสาหกรรม EV ยังคงพัฒนาและเติบโตต่อไป บริษัทสตาร์ทอัพ EV ที่สามารถปรับตัวและรับมือกับความท้าทายได้ จะเป็นผู้ที่อยู่รอดและประสบความสำเร็จในที่สุด

ที่มา Reuters

advertisement

SPOTLIGHT