ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มุ่งสู่ความยั่งยืน อุตสาหกรรมยานยนต์ก็ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาและปรับตัว รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ได้กลายเป็นดาวเด่นที่ฉายแสงเจิดจรัสในตลาดรถยนต์ทั่วโลก และในประเทศไทย รถแท็กซี่ไฟฟ้าก็กำลังสร้างปรากฏการณ์ที่น่าจับตามอง ไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการและผู้ขับขี่แท็กซี่
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรถแท็กซี่ไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยที่ผลักดันให้ตลาดนี้ร้อนแรง แม้ในขณะที่ตลาดรถแท็กซี่โดยรวมกำลังเผชิญกับความท้าทาย เราจะเจาะลึกถึงโอกาสและความเป็นไปได้ของธุรกิจแท็กซี่ไฟฟ้า รวมถึงความท้าทายที่ยังคงต้องเผชิญ เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมของตลาดนี้อย่างชัดเจน และเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
รถแท็กซี่ไฟฟ้า มาแรงยอดขายป้ายแดงพุ่ง 62% แต่ตลาดโดยรวมยังคงหดตัว
| ปี | Taxi น้ำมัน | Taxi ไฟฟ้า |
| 2564 | 99% | 1% |
| 2565 | 92% | 8% |
| 2566 | 78% | 22% |
| 2567 (ม.ค.-พ.ค.) | 38% | 62% |
ตลาดรถแท็กซี่ในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ โดยรถแท็กซี่ไฟฟ้า (EV) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นตัวเลือกหลักของผู้ประกอบการแท็กซี่หน้าใหม่ จากข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ให้เห็นว่า รถแท็กซี่ไฟฟ้า (EV) กำลังเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าตลาดรถแท็กซี่ในประเทศไทยอย่างรวดเร็วและมีนัยสำคัญ โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 รถแท็กซี่ไฟฟ้าป้ายแดงครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 62% ของยอดขายรถแท็กซี่ใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากปี 2564 ที่มีสัดส่วนเพียง 1% เท่านั้น ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของรถแท็กซี่ไฟฟ้าในหมู่ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่แท็กซี่
ตลาดรวมหดตัว แต่โอกาสยังเปิดกว้าง
| ปี |
ยอดขาย Taxi ป้ายแดง (คัน)
|
| 2561 | 14,367 |
| 2562 | 7,334 |
| 2563 | 3,129 |
| 2564 | 361 |
| 2565 | 691 |
| 2566 | 1,804 |
| 2567 (ม.ค.-พ.ค.) | 1,327 |
แม้ว่ารถแท็กซี่ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมของตลาดรถแท็กซี่กลับมีแนวโน้มหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 มียอดขายรถแท็กซี่ป้ายแดงเพียง 1,327 คัน ลดลงจาก 1,804 คันในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และลดลงอย่างมากจาก 14,367 คันในปี 2561 สาเหตุของการหดตัวนี้อาจมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น การเติบโตของบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน และผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ตาม การหดตัวของตลาดนี้ไม่ได้หมายความว่าโอกาสสำหรับรถแท็กซี่ไฟฟ้าจะลดลง ในทางกลับกัน รถแท็กซี่ไฟฟ้ามีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 2% ของรถแท็กซี่ทั้งหมดในประเทศไทย
ปัจจัยอะไรบ้างที่หนุนการเติบโตของธุรกิจ
การเติบโตของรถแท็กซี่ไฟฟ้าเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ อาทิ
- นโยบายภาครัฐ: รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างชัดเจน ทั้งในด้านภาษีและสิทธิประโยชน์อื่นๆ
- ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม: ผู้บริโภคมีความตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าที่ปล่อยมลพิษน้อยกว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
- ต้นทุนการใช้งานที่ต่ำกว่า: รถแท็กซี่ไฟฟ้ามีต้นทุนการใช้งานที่ต่ำกว่ารถแท็กซี่ที่ใช้น้ำมัน เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่ถูกกว่าและการบำรุงรักษาที่น้อยกว่า
- เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น: แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นและราคาถูกลง ทำให้รถแท็กซี่ไฟฟ้ามีระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้นและราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ด้วยปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้ คาดว่ารถแท็กซี่ไฟฟ้าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่แท็กซี่ที่ลงทุนในรถแท็กซี่ไฟฟ้าตั้งแต่วันนี้มีโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของตลาดนี้ และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ แต่ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น การขาดแคลนสถานีชาร์จไฟฟ้า และราคาที่ยังคงสูงกว่ารถแท็กซี่ที่ใช้น้ำมัน ซึ่งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพื่อส่งเสริมการใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน
ตลาดรถแท็กซี่ในประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้น การเติบโตอย่างรวดเร็วของรถแท็กซี่ไฟฟ้าแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของเทคโนโลยีนี้ในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมขนส่ง และขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ แม้ว่ายังคงมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เชื่อมั่นว่ารถแท็กซี่ไฟฟ้าจะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญบนท้องถนนของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้
ที่มา กรมขนส่งทางบก และ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย