ในปี 2566 ธุรกิจไทยได้แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวที่น่าสนใจ เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์และความต้องการที่เปลี่ยนไปของคนยุคใหม่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ 10 ธุรกิจมาแรงที่เติบโตอย่างโดดเด่นและสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ พร้อมทั้งเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัจจัยขับเคลื่อนและแนวโน้มในอนาคตของธุรกิจเหล่านี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนที่ต้องการเข้าใจภาพรวมของตลาดและเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
10 ธุรกิจมาแรง เจาะลึกเทรนด์ธุรกิจโตแรง รับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผย 10 ธุรกิจสุดฮิตประจำปี 2566 ที่มีผู้ประกอบการแห่จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจกันอย่างคึกคัก แถมยังทำรายได้เติบโตอย่างน่าจับตา สอดรับกับเทรนด์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่/มอเตอร์และอุปกรณ์ยานยนต์ไฟฟ้า, ธุรกิจท่องเที่ยว, ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า, ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง, ธุรกิจจัดอีเวนต์, ธุรกิจ e-Commerce, ธุรกิจเครื่องสำอาง, ธุรกิจสุขภาพ, ธุรกิจของเล่น และธุรกิจเกี่ยวกับความเชื่อและศรัทธา โดยทุกธุรกิจมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2565 โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวที่โตแรงถึง 36.32% และธุรกิจเกี่ยวกับความเชื่อและศรัทธาที่โตถึง 52.92%
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจที่น่าจับตามอง ได้แก่ ธุรกิจผลิตน้ำมันถั่วเหลือง, ธุรกิจเหมืองเกลือแร่สินเธาว์, ธุรกิจรถทัวร์, ธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ และธุรกิจแผงลอย/ตลาด ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็ว
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมฯ ได้ติดตามสถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง และนำข้อมูลการยื่นงบการเงินประจำปี 2566 มาวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อประเมินทิศทางและศักยภาพการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทย สำหรับ ธุรกิจติดเทรนด์ที่มีการจัดตั้งเพิ่มขึ้นและยังทำรายได้ดีติดอันดับ ดังนี้
อันดับที่ 1 ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ มอเตอร์และอุปกรณ์ยานยนต์ไฟฟ้า
ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ มอเตอร์และอุปกรณ์ยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงผลิตแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ครองแชมป์อันดับ 1 ธุรกิจมาแรงแห่งปี 2566 ด้วยจำนวนธุรกิจทั้งหมด 885 ราย โดยมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นถึง 91 ราย คิดเป็นอัตราการเติบโต 42.19% เมื่อเทียบกับปี 2565
ตลอดปี 2566 ธุรกิจนี้สามารถสร้างรายได้รวมสูงถึง 2.09 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.27% จากปี 2565 โดยธุรกิจขนาดใหญ่ (L) เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อน สร้างรายได้มากถึง 2.06 ล้านล้านบาท การเติบโตอย่างโดดเด่นนี้เป็นผลมาจากกระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์ได้รับอานิสงส์ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจผลิตแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์, มอเตอร์ไฟฟ้า, แบตเตอรี่และหม้อสะสมไฟฟ้า, ธุรกิจผลิตรถยนต์ส่วนบุคคล และธุรกิจผลิตยานยนต์อื่นๆ ที่ใช้เพื่อการโดยสาร
สำหรับจังหวัดที่เป็นฐานการผลิตสำคัญและสร้างรายได้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สมุทรปราการ 1.04 ล้านล้านบาท, ระยอง 0.30 ล้านล้านบาท และกรุงเทพมหานคร 0.29 ล้านล้านบาท
อันดับที่ 2 ธุรกิจท่องเที่ยว
ธุรกิจท่องเที่ยวผงาดขึ้นเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2566 โดยครองอันดับ 2 ของธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด ด้วยจำนวนธุรกิจทั้งหมด 53,696 ราย และมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 7,402 ราย คิดเป็นอัตราการเติบโต 41.69% เมื่อเทียบกับปี 2565
ในปี 2566 ธุรกิจท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้รวม 0.85 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 36.32% จากปี 2565 โดยปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยกว่า 28 ล้านคน (ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด, ธุรกิจนำเที่ยว, ธุรกิจขายปลีกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และธุรกิจร้านอาหาร ต่างได้รับอานิสงส์จากการเติบโตดังกล่าว
จังหวัดที่เป็นแหล่งรายได้หลักของธุรกิจท่องเที่ยว ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งสร้างรายได้สูงสุดถึง 0.61 ล้านล้านบาท ตามมาด้วยภูเก็ต 0.06 ล้านล้านบาท และชลบุรี 0.03 ล้านล้านบาท
อันดับที่ 3 ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า
ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงรักษาความแข็งแกร่งในตลาด โดยเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุดเป็นอันดับที่ 3 ในปี 2566 ด้วยจำนวนธุรกิจรวม 8,233 ราย และมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 601 ราย คิดเป็นอัตราการเติบโต 3.98% เมื่อเทียบกับปี 2565
ในปี 2566 ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถสร้างรายได้รวม 0.65 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.09% หรือ 7 พันล้านบาท จากปี 2565 การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคต่อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่มุ่งเน้นความสะดวกสบาย และบรรเทาผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ ธุรกิจผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน และธุรกิจร้านขายปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน
จังหวัดที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้ของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งสร้างรายได้สูงสุดถึง 0.35 ล้านล้านบาท ตามมาด้วยชลบุรี 0.08 ล้านล้านบาท และระยอง 0.04 ล้านล้านบาท
อันดับที่ 4 ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ขายอาหาร อุปกรณ์และดูแลสัตว์
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายอาหาร อุปกรณ์ หรือการให้บริการดูแลสัตว์ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุดเป็นอันดับที่ 4 ในปี 2566 ด้วยจำนวนธุรกิจรวม 5,009 ราย และมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 785 ราย คิดเป็นอัตราการเติบโต 10.25% เมื่อเทียบกับปี 2565
ในปี 2566 ธุรกิจสัตว์เลี้ยงสามารถสร้างรายได้รวม 0.26 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.80% หรือ 0.01 ล้านล้านบาท จากปี 2565 การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหันมาให้ความสำคัญกับการเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นเพื่อนคลายเหงา รวมถึงความหลากหลายของสินค้าและบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของสัตว์เลี้ยงได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจฟาร์มเพาะพันธุ์สัตว์, ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปสำหรับสัตว์เลี้ยง, ธุรกิจขายส่งอาหารสัตว์, ธุรกิจจำหน่ายสัตว์เลี้ยงและอุปกรณ์ รวมไปถึงธุรกิจให้บริการดูแลสัตว์
จังหวัดที่เป็นศูนย์กลางของธุรกิจสัตว์เลี้ยงและมีรายได้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งสร้างรายได้ถึง 0.11 ล้านล้านบาท ตามมาด้วยสมุทรปราการ 0.03 ล้านล้านบาท และนนทบุรี 0.01 ล้านล้านบาท
อันดับที่ 5 ธุรกิจจัดกิจกรรม งานประชุม นิทรรศการ อีเวนต์
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายอาหาร อุปกรณ์ หรือการให้บริการดูแลสัตว์ ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีอัตราการจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุดในปี 2566 เป็นอันดับที่ 4 ด้วยจำนวนธุรกิจรวม 5,009 ราย และมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 785 ราย คิดเป็นอัตราการเติบโต 10.25% เมื่อเทียบกับปี 2565
ในปี 2566 ธุรกิจสัตว์เลี้ยงสามารถสร้างรายได้รวม 0.26 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.80% หรือ 0.01 ล้านล้านบาท จากปี 2565 การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหันมาให้ความสำคัญกับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น รวมถึงความหลากหลายของสินค้าและบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของสัตว์เลี้ยงได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจฟาร์มเพาะพันธุ์สัตว์, ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปสำหรับสัตว์เลี้ยง, ธุรกิจขายส่งอาหารสัตว์, ธุรกิจจำหน่ายสัตว์เลี้ยงและอุปกรณ์ รวมไปถึงธุรกิจให้บริการดูแลสัตว์
จังหวัดที่เป็นศูนย์กลางของธุรกิจสัตว์เลี้ยงและมีรายได้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งสร้างรายได้ถึง 0.11 ล้านล้านบาท ตามมาด้วยสมุทรปราการ 0.03 ล้านล้านบาท และนนทบุรี 0.01 ล้านล้านบาท
อันดับที่ 6 ธุรกิจ e-Commerce
ธุรกิจ e-Commerce ยังคงเป็นดาวรุ่งในโลกธุรกิจไทย โดยติดอันดับ 6 ของธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุดในปี 2566 ด้วยจำนวนธุรกิจรวม 7,962 ราย และมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 1,713 ราย คิดเป็นอัตราการเติบโต 17.41% เมื่อเทียบกับปี 2565
ในปี 2566 ธุรกิจ e-Commerce สามารถสร้างรายได้รวม 0.18 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.12% หรือ 4 พันล้านบาท จากปี 2565 การเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้เป็นผลมาจากพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยนิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้าที่หลากหลาย และมีเวลาในการตัดสินใจซื้อมากขึ้น ธุรกิจที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มนี้คือ ธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต
จังหวัดที่เป็นศูนย์กลางของธุรกิจ e-Commerce และมีรายได้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งสร้างรายได้ถึง 0.15 ล้านล้านบาท ตามมาด้วยนนทบุรี 0.02 ล้านล้านบาท และสมุทรปราการ 2 พันล้านบาท
อันดับที่ 7 ธุรกิจเครื่องสำอาง
ธุรกิจเครื่องสำอางยังคงเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการในประเทศไทย แม้ว่าจำนวนการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในปี 2566 จะลดลง 6.63% เมื่อเทียบกับปี 2565 แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาดถึง 1,267 ราย ส่งผลให้มีจำนวนธุรกิจเครื่องสำอางที่จดทะเบียนในปี 2566 รวมทั้งสิ้น 10,320 ราย
ในปี 2566 ธุรกิจเครื่องสำอางสามารถสร้างรายได้รวม 0.16 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.99% หรือ 9 พันล้านบาท จากปี 2565 การเติบโตดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้กับการดูแลบุคลิกภาพและความงาม รวมถึงแนวโน้มการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตลาดเครื่องสำอาง ซึ่งผลักดันให้ผู้ผลิตต้องมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมและคุณภาพของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ธุรกิจที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มนี้คือ ธุรกิจขายปลีกและขายส่งเครื่องสำอาง
จังหวัดที่เป็นศูนย์กลางสำคัญของธุรกิจเครื่องสำอางและมีรายได้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งสร้างรายได้ถึง 0.13 ล้านล้านบาท ตามมาด้วยนนทบุรี 4.3 พันล้านบาท และปทุมธานี 4 พันล้านบาท
อันดับที่ 8 ธุรกิจสุขภาพ
ธุรกิจสุขภาพยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 โดยมีจำนวนธุรกิจจดทะเบียนจัดตั้งใหม่สูงสุดเป็นอันดับที่ 8 ด้วยจำนวนธุรกิจรวม 9,761 ราย และมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 1,670 ราย คิดเป็นอัตราการเติบโต 24.91% เมื่อเทียบกับปี 2565
ในปี 2566 ธุรกิจสุขภาพสามารถสร้างรายได้รวม 70,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 17.94% หรือ 10,000 ล้านบาท จากปี 2565 การเติบโตนี้เป็นผลมาจากความตระหนักรู้ด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก หลังจากเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประชาชนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทั้งในด้านการป้องกันและการรักษา ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพได้รับความนิยมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง, คลินิกทันตกรรม, กายภาพบำบัด, ฟิตเนส และสปา
จังหวัดที่เป็นศูนย์กลางสำคัญของธุรกิจสุขภาพและมีรายได้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งสร้างรายได้ถึง 54,000 ล้านบาท ตามมาด้วยนนทบุรี 2,800 ล้านบาท และสมุทรปราการ 2,700 ล้านบาท
อันดับที่ 9 ธุรกิจของเล่น
ธุรกิจของเล่นกลับมาเป็นที่จับตามองอีกครั้งในปี 2566 โดยติดอันดับ 9 ของธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่สูงสุด ด้วยจำนวนธุรกิจรวม 1,087 ราย และมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 120 ราย คิดเป็นอัตราการเติบโตที่น่าสนใจถึง 69.01% เมื่อเทียบกับปี 2565
ในปี 2566 ธุรกิจของเล่นสามารถสร้างรายได้รวม 20,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.57% หรือ 300 ล้านบาท จากปี 2565 โดย "Art Toy" ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาด ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับของเล่นที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ธุรกิจผลิตตุ๊กตา, เกมและของเล่นประเภทอื่นๆ ทั้งในรูปแบบการขายส่งและขายปลีก
จังหวัดที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้ของธุรกิจของเล่น ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งสร้างรายได้ถึง 9,000 ล้านบาท ตามมาด้วยสมุทรปราการ 3,000 ล้านบาท และสมุทรสาคร 1,600 ล้านบาท
อันดับที่ 10 ธุรกิจความเชื่อและศรัทธา
ธุรกิจเกี่ยวกับความเชื่อและศรัทธา หรือที่เรียกกันติดปากว่า "ธุรกิจสายมู" กลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตามองในปี 2566 โดยติดอันดับ 10 ของธุรกิจที่มีอัตราการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่สูงสุด ด้วยจำนวนธุรกิจรวม 151 ราย และมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 33 ราย คิดเป็นอัตราการเติบโต 37.50% เมื่อเทียบกับปี 2565
ในปี 2566 ธุรกิจสายมูสามารถสร้างรายได้รวม 200 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 52.92% หรือ 80 ล้านบาท จากปี 2565 การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้เป็นผลมาจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่หันมาให้ความสนใจและความสำคัญกับเรื่องความเชื่อและศรัทธาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ หรือการเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ธุรกิจที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มนี้ ได้แก่ ธุรกิจดูดวง, ธุรกิจดูฮวงจุ้ย และธุรกิจกำหนดฤกษ์ยาม
จังหวัดที่เป็นศูนย์กลางของธุรกิจสายมูและมีรายได้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งสร้างรายได้ถึง 140 ล้านบาท ตามมาด้วยนนทบุรี 40 ล้านบาท และปทุมธานี 10 ล้านบาท
แนวโน้มการเติบโต และ พฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวเสริมว่า "10 อันดับธุรกิจที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2566 สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตที่สอดคล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน รวมถึงมีความตระหนักรู้ด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น"
นอกจากนี้ อธิบดีฯ ยังได้กล่าวถึงกลุ่มธุรกิจที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีอัตราการเติบโตทางธุรกิจที่โดดเด่นในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 ได้แก่ ธุรกิจผลิตน้ำมันถั่วเหลือง (9,744%), ธุรกิจเหมืองเกลือแร่สินเธาว์ (3,207%), ธุรกิจรถขนส่งผู้โดยสารทางประจำทางระหว่างกรุงเทพฯ กับจังหวัดอื่น (1,095%), ธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ (1,032%) และธุรกิจขายปลีกอาหารบนแผงลอยและตลาด (844%)
"กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะยังคงดำเนินการติดตามและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจของประเทศไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและนักลงทุน ให้สามารถปรับตัวและวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์" อธิบดีกล่าวสรุป
บทวิเคราะห์ทิศทางธุรกิจในปี 2567 แนวโน้มการเติบโตและโอกาสสำหรับผู้ประกอบการ
จากข้อมูลสถิติธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่และรายได้ในปี 2566 ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เผยแพร่ สามารถวิเคราะห์แนวโน้มและโอกาสทางธุรกิจในปี 2567 ได้ดังต่อไปนี้
1.ธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมยังคงเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญ
- ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า: ด้วยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ประกอบกับนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ คาดการณ์ว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า เช่น การผลิตแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนต่างๆ จะยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2567
- ธุรกิจ e-Commerce: พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปสู่การซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์จะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ e-Commerce ในปี 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าไลฟ์สไตล์
2. ธุรกิจสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเป็นที่ต้องการของตลาด
- ธุรกิจสุขภาพ: ความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นหลังจากการระบาดของโควิด-19 จะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ เช่น โรงพยาบาล คลินิก ฟิตเนส และสปา ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดในปี 2567
- ธุรกิจสัตว์เลี้ยง: การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพื่อเป็นเพื่อนและส่งเสริมสุขภาพจิต จะยังคงเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยม ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง เช่น อาหาร อุปกรณ์ และบริการต่างๆ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
3. อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
- ธุรกิจท่องเที่ยว: การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
- ธุรกิจจัดอีเวนต์: การกลับมาจัดงานประชุม สัมมนา และนิทรรศการต่างๆ จะส่งผลให้ธุรกิจจัดอีเวนต์กลับมาคึกคักอีกครั้งในปี 2567
4. ธุรกิจพลังงานสะอาดและความยั่งยืนเป็นโอกาสใหม่
- ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน: ความต้องการพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก จะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานชีวมวล
- ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม: ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ธุรกิจที่ผลิตสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการนี้มีโอกาสเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
5. ธุรกิจอื่นๆ ที่น่าจับตามอง
- ธุรกิจเกี่ยวกับความเชื่อและศรัทธา: แม้ว่าธุรกิจสายมูจะเติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2566 แต่ความยั่งยืนของธุรกิจนี้ในระยะยาวอาจเป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง
- ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสังคมผู้สูงอายุ: ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุ เช่น การดูแลสุขภาพ การท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุ จะมีโอกาสเติบโตอย่างมาก
สำหรับปัจจัยเสี่ยงและความท้าทายในปี 2567 เรื่อง สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอน อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย นอกจากนี้ ธุรกิจที่ได้รับความนิยมมักจะมีการแข่งขันที่สูง ผู้ประกอบการต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการแข่งขันและสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของตนเอง
สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2567 จะยังคงมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี สุขภาพ ความยั่งยืน และการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคยุคใหม่ ผู้ประกอบการและนักลงทุนควรติดตามแนวโน้มเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อคว้าโอกาสทางธุรกิจในอนาคต