ธุรกิจการตลาด

เจ้าสัว ผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวไทยที่ไร้ผู้ท้าชิง สร้างรายได้หลักพันล้าน

19 ก.ค. 67
เจ้าสัว  ผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวไทยที่ไร้ผู้ท้าชิง สร้างรายได้หลักพันล้าน

เจ้าสัว (CHAO) ไม่ได้เป็นเพียงแค่ขนมขบเคี้ยว แต่คือผู้นำตลาดที่ไร้คู่แข่ง ครองส่วนแบ่งตลาดข้าวตังและขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมูสูงสุดในประเทศไทย กำลังสร้างรายได้หลักพันล้านและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในและต่างประเทศ เรื่องราวความสำเร็จของเจ้าสัวเริ่มต้นจากร้านขายของชำเล็กๆ สู่การเป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมก้าวสู่ตลาดโลกอย่างแข็งแกร่ง

เจ้าสัว ผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวไทยที่ไร้ผู้ท้าชิง สร้างรายได้หลักพันล้าน

เจ้าสัว  ผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวไทยที่ไร้ผู้ท้าชิง สร้างรายได้หลักพันล้าน

บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทย โดยมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักและครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด ได้แก่ ข้าวตังและขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู (pork snack) นอกจากความแข็งแกร่งในตลาดภายในประเทศแล้ว CHAO ยังมีศักยภาพในการเติบโตในตลาดต่างประเทศอีกด้วย

เส้นทางสู่ความสำเร็จของ "เจ้าสัว" ขนมขบเคี้ยวไทย สู่การเติบโตในตลาดโลก

เจ้าสัว  ผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวไทยที่ไร้ผู้ท้าชิง สร้างรายได้หลักพันล้าน

"เจ้าสัว" แบรนด์ขนมขบเคี้ยวชั้นนำของไทย เริ่มต้นจากจุดกำเนิดอันเรียบง่าย ณ ร้านขายของชำ "เตีย หงี่ เฮียง" ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งก่อตั้งโดยนายเพิ่ม โมรินทร์ (แซ่เตีย) ผู้เล็งเห็นศักยภาพของจังหวัดในฐานะศูนย์กลางการคมนาคมและเศรษฐกิจสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายเพิ่มได้นำวัตถุดิบหลักของท้องถิ่นอย่างเนื้อหมูมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย อาทิ หมูหยอง หมูแผ่น และกุนเชียง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากผู้บริโภคทั้งในจังหวัดและทั่วประเทศ

จากนั้นในปี พ.ศ. 2516 ร้านเตีย หงี่ เฮียง ได้รับการพัฒนาและจดทะเบียนเป็น "ห้างหุ้นส่วนจำกัด เตีย หงี่ เฮียง" พร้อมทั้งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดนครราชสีมา นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาแบรนด์สินค้าของตนเอง เช่น "สามดาว" และ "ขวานคู่" ภายใต้สโลแกนที่สะท้อนถึงคุณภาพและความเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ โดยจุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัทเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจปี พ.ศ. 2541 เมื่อนักธุรกิจชาวฮ่องกงได้มีโอกาสลิ้มลองข้าวตังหมูหยองของเจ้าสัว และประทับใจในรสชาติจนติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายในฮ่องกง นับเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ และเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในระดับสากล

ปัจจุบัน บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) และมีแบรนด์สินค้าที่หลากหลาย อาทิ "เจ้าสัว" และ "โฮลซัม" โดยมีช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ ทั้งร้านค้าปลีก ค้าส่งสมัยใหม่ ร้านค้าดั้งเดิม แฟรนไชส์ และช่องทางออนไลน์ต่างๆ

จุดแข็งของ เจ้าสัว (CHAO)

  • ผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยว: CHAO ครองส่วนแบ่งการตลาดข้าวตังสูงถึง 78.5% และขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู 57.2% ในปี 2565 ซึ่งแสดงถึงความนิยมและความแข็งแกร่งของแบรนด์ในตลาด
  • โอกาสเติบโตในตลาดขนมขบเคี้ยว: ตลาดข้าวตังและขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมูในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2566-2570 โดยคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 16% และ 20% ตามลำดับ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ CHAO ในการขยายธุรกิจ
  • ศักยภาพในการเติบโตในตลาดต่างประเทศ: CHAO มีแผนที่จะขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์แครกเกอร์ธัญพืชและหนังปลา ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทในอนาคต
  • การระดมทุนจาก IPO: CHAO ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 และระดมทุนได้สำเร็จ ซึ่งเงินทุนที่ได้จะถูกนำไปใช้ในการขยายกำลังการผลิต ปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงาน ชำระคืนหนี้สิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของบริษัท

กลยุทธ์การเติบโตของ เจ้าสัว (CHAO)

เจ้าสัว  ผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวไทยที่ไร้ผู้ท้าชิง สร้างรายได้หลักพันล้าน

ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย: CHAO มีแผนที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยเน้นการขยายไปยังช่องทางโมเดิร์นเทรดและปรับโครงสร้างเครือข่ายการจัดจำหน่ายแบบดั้งเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่: CHAO มุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง
ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ: CHAO มีแผนที่จะลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการผลิต รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

ผลประกอบการ 4 ปีย้อนหลัง บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO

  • ปี 2564 รายได้ 1,135.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 64.4 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้ 1,413.6 ล้านบาท กำไรสุทธิ 86.6 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 1,493.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 161.6 ล้านบาท
  • ปี 2567 ไตรมาสที่ 1 รายได้ 336.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 26.7 ล้านบาท

โอกาสในการลงทุนหุ้น CHAO

เจ้าสัว  ผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวไทยที่ไร้ผู้ท้าชิง สร้างรายได้หลักพันล้าน

จากข้อมูลของทาง KSecurities มองว่า CHAO เป็นหุ้นที่มีโอกาสในการลงทุนระยะสั้นและระยะยาว โดยในระยะสั้น CHAO จะได้รับประโยชน์จากปัญหาของคู่แข่งในตลาดขนมขบเคี้ยว และในระยะยาว CHAO จะยังคงสามารถเติบโตได้จากการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ และการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

  • การแข่งขันที่รุนแรง: ตลาดขนมขบเคี้ยวมีการแข่งขันที่สูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อส่วนแบ่งการตลาดและความสามารถในการทำกำไรของ CHAO
  • ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ: ราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตขนมขบเคี้ยวมีความผันผวน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและความสามารถในการทำกำไรของ CHAO
  • ความเสี่ยงจากการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ: การขยายธุรกิจไปต่างประเทศมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความแตกต่างทางวัฒนธรรม กฎระเบียบ และสภาวะตลาด

สรุป CHAO เป็นผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ทั้งจากตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ บริษัทมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการขยายธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ดังนั้นการลงทุนใน CHAO จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตในระยะยาว แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ การติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของบริษัทอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา chaosua และ KSecurities

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT