เศรษฐกิจไทยดูเข้าขั้นวิกฤตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อดูตัวเลขย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2563-6 เดือนแรกของปีนี้ พบว่ามีตัวเลขปิดโรงงานรวมทั้งสิ้น 4,365 แห่ง เงินลงทุน 315,679.2 ล้านบาท คนงานรวม 143,977 คน หลายสำนักวิจัยต่างออกมาคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตน้อย ราว 2% หรือกรณีเลวร้ายต่ำกว่า 2% นั้น
ล่าสุด มีข้อมูลจาก ส.อ.ท.ชี้ว่า มีโรงงานสมุนไพรในประเทศไทย ราว 500 แห่งเสี่ยงถูกปิด เหตุไม่ผ่านมาตรฐาน GMP PIC/S ตามรอยโรงงานในประเทศไทยปิดตัวลงเกือบ 2,000 แห่ง
โรงงานไทยช่วง 12 เดือนปิดแล้วเกือบ 2,000 แห่ง ตกงานกว่า 51,500 คน
โดยดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรในสภาอุตสาหกรรม (ส.อ.ท.) ได้ออกมาระบุว่า โรงงานในประเทศไทยปิดตัวลงเกือบ 2,000 แห่ง ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 ถึงเดือนมิถุนายน 2567 ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตเกือบ 1 ใน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทำให้แรงงานกว่า 51,500 คน สูญเสียงาน และวิกฤตดังกล่าวมีโอกาสลุกลามไปยังภาคการผลิตในอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย
โรงงานสมุนไพรเสี่ยงปิด 500 แห่ง
วิกฤตดังกล่าวมีโอกาสลุกลามไปยังภาคการผลิตในอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย จากการสำรวจพบว่า อุตสาหกรรมสมุนไพรไทยปัจจุบันยังประคับประคองตัวเองได้อย่างดี เนื่องจากผู้ประกอบการได้ปรับตัวแบบ 360 องศา ทั้งการลงไปจับตลาดใหม่ๆที่เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว ผลพัฒนาแพ็กเก็จจิ้งให้มีความโดดเด่นเหมาะแก่การสะสมและเป็นของฝาก อย่างไรก็ดีพบว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมภาคสมุนไพรที่มีความเสี่ยงถูกปิดอยู่เช่นกัน ซึ่งคาดว่ามีโรงงงานสมุนไพรในประเทศ 500 แห่ง เสี่ยงถูกปิด เหตุไม่ผ่านมาตรฐาน GMP PIC/S ตามรอยโรงงานในประเทศไทยปิดตัวลงเกือบ 2,000 แห่ง
นับเป็นข้อมูลน่าตกใจว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานผลิตสมุนไพรมากกว่า 1,000 แห่ง แต่มีโรงงานผลิตสมุนไพร 500 แห่งยัง ยังไม่สามารถผ่านมาตรฐาน GMP PIC/S หากโรงงานสมุนไพรเหล่านี้ถูกปิดตัวลง ซึ่งประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสในการผลักดัน สร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพรมูลค่าสูง สนับสนุนศักยภาพเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ วิกฤตการปิดตัวของโรงงานในประเทศไทย กำลังส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและแรงงานอย่างหนัก
มูลค่าตลาดสมุนไพรกว่า 52,000 ล้านบาท แนวโน้มโต 8% ต่อปี
สำหรับมูลค่าตลาดสมุนไพรในปัจจุบัน 52,104.3 ล้านบาท มีแนวโน้มการเติบโต 8 % ต่อปี ซึ่งปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเติบโตมาจาก การเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งมีกำลังซื้อสูงและใส่ใจสุขภาพมากขึ้น จึงนิยมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสมุนไพรความกังวลด้านสุขภาพ
จากที่หลายคนเริ่มกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาเคมี จึงหันมาใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรมากขึ้น สังคมสูงวัยและประชากรโลกมีอายุยืนยาวขึ้น ส่งผลให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ มากขึ้น ผู้คนจึงมองหาผลิตภัณฑ์สมุนไพรมาช่วยดูแลสุขภาพและป้องกันโรค กระแสการกลับสู่ธรรมชาติผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติมากขึ้น จึงนิยมใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสมุนไพร หากทุกฝ่ายร่วมมือกันผลักดันให้การผลิตเป็นมาตรการเดียวกัน จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยสามารถส่งออกได้มากกว่าปัจจุบันหลายเท่า
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมสมุนไพรไทยก็ยากจะรอดพ้นจากวิกฤตนี้ แต่ก็ยังมีโอกาสรอดวิกฤตนี้ไปได้หากหน่วยงานภาครัฐจำเป็นต้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือเร่งด่วน มิฉะนั้นประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสการสร้างฐานเศรษฐกิจมหาภาคไปได้
แนะ 4 แนวทางแก้ไข ลดความเสี่ยงโรงงานปิด
โดยประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไทย แนะแนวทางแก้ไข 4 ด้าน
- จัดอบรม และหาแหล่งเงินทุน ให้โรงงานปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน GMP PIC/S
- เป็นตัวกลางจับคู่โรงงานใหญ่เปิดให้โรงงานเล็กเข้าถึงการใช้ทรัพยากรร่วมกัน
- ใช้ภาคท่องเที่ยวหนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้านการใช้สมุนไพร
- อย. เพิ่ม Positive list เพื่อให้ผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนสมุนไพรง่ายขึ้น หากผลักดันได้จะช่วยขยายโอกาสการส่งออกสินค้าสมุนไพรไทยที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ