TEMU เปิดตัว affiliate ในไทยแบบเงียบๆ พร้อมค่าคอมมิชชั่นถึง 30%

เปิดตัวแบบเงียบๆ อีกครั้งสำหรับ ‘Temu’ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติจีน ที่ได้เปิดให้ฟีเจอร์ ‘affiliate’ หรือรูปแบบการตลาดที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าร่วมโปรแรม สร้างรายได้โดยการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นั้นๆ ผ่านการแชร์ลิงก์พิเศษ และเมื่อมีคนซื้อผ่านลิงก์นั้น ผู้ใช้งานก็จะได้รับค่าคอมมิชชัน ในขณะที่แบรนด์ได้ยอดขายเพิ่ม

ทีม SPOTLIGHT มีทดลองสมัครโปรแกรม affiliate ของ Temu และพบว่า ค่าคอมมิชชั่นจากโปรแกรม affiliate จะได้รับจากการแนะนำเพื่อนให้สมัครใช้แอป Temu และทำการสั่งซื้อสินค้าในแพลตฟอร์มภายใน 30 วันแรก ผ่านการลิงก์ที่ถูกแนะนำ โดยมีทั้งหมด 2 รูปแบบดังนี้:

1. จากการสั่งซื้อ: ค่าคอมมิชชั่นคำนวณจากยอดสั่งซื้อจริง (Actual Payment) ต่อการสั่งซื้อที่เข้าเกณฑ์ (Qualifying Purchase) ดังนี้:

- ยอดซื้อตั้งแต่ 0-1,499.99 บาท ได้รับค่าคอมมิชชั่น 10%

- ยอดซื้อ 1,500-2,999.99 บาท ได้รับค่าคอมมิชชั่น 20%

- ยอดซื้อ 3,000 บาทขึ้นไป ได้รับค่าคอมมิชชั่นสูงถึง 30%

2. จากการดาวน์โหลดและสั่งซื้อครั้งแรก: เมื่อมีการดาวน์โหลดแอป Temu ผ่านลิงก์ของผู้ใช้งานที่เข้าร่วม affiliate และมีการสั่งซื้อ เจ้าของจะได้รับเงิน 70 บาท ต่อการดาวน์โหลดและสั่งซื้อที่สำเร็จหนึ่งครั้ง

โดยผู้ใช้งานใหม่ (New User) จะหมายถึง ผู้ใช้งานที่ดาวน์โหลดและลงทะเบียนกับ Temu เป็นครั้งแรกบนแอปพลิเคชัน หรือบนเว็บไซต์ของ Temu ซึ่งผู้ใช้งานใหม่จะถูกตัดสิทธิ์จากหากเขาหรือเธอถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน Temu ไป

นอกจากนี้ ผู้ใช้งานใหม่จะได้รับคูปองส่วนลดรวมสูงถึง 1,600 บาท และอาจได้ส่วนลด 30% เพิ่มสำหรับบางรายเช่นกัน ในขณะที่ผู้ใช้งานที่สมัครเข้ารวมโปรแกรม affiliate จะได้รับเงินเครดิตใช้จ่ายบนแพลตฟอร์มเช่นกัน โดยทาง SPOTLIGHT ได้เข้าไปทดลองสมัครแล้วได้รับเงินเครดิต 40 บาทจริง

ต่างประเทศก็มี affiliate

ปัจจุบัน โปรแกรม affiliate ของ Temu มีให้บริการใน 66 ประเทศทั่วโลก ด้วยเป้าหมายเพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถรับค่าคอมมิชชันได้ โดยการโปรโมตผลิตภัณฑ์บนแพลตฟอร์ม Temu ซึ่งโปรแกรม affiliate เปิดให้ในหลายประเทศ ยกตัวอย่างดังนี้:

1. สหรัฐอเมริกา - ตลาดหลักของ Temu ที่มีการโปรโมทโปรแกรม affiliate อย่างหนัก ด้วยค่าคอมมิชชั่น 5-20% และเงิน 5 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 180 บาท ต่อการดาวน์โหลดและสั่งซื้อครั้งแรก
2. แคนาดา – ตลาดสำคัญอีกแห่งที่มีโปรแกรม affiliate ของ Temu ให้บริการ ด้วยค่าคอมมิชชั่น 5-20% เช่นกัน และเงิน 3 ดอลลาร์แคนาดา หรือประมาณ 78.50 บาท ต่อการดาวน์โหลดและสั่งซื้อครั้งแรก
3. ออสเตรเลีย - Temu ได้ขยายโปรแกรม affiliate ไปยังภูมิภาคนี้ด้วยเช่นกัน โดยจะให้ค่าคอมมิชชั่นที่ 5-20% เช่นกัน และเงิน 3 ดอลลาร์ออสเตเรีย หรือราว 71 บาท ต่อการดาวน์โหลดและสั่งซื้อครั้งแรก
4. สหราชอาณาจักร – อีกหนึ่งตลาดที่รวมอยู่ในโปรแกรม affiliate ของ Temu ด้วย พร้อมค่าคอมมิชชั่น 5-20% และเงิน 3 ปอนด์อังกฤษต่อการดาวน์โหลดและสั่งซื้อครั้งแรก หรือประมาณเกือบ 140 บาท
5. ญี่ปุ่น – อีกหนึ่งตลาดเอเชียที่สำคัญของ Temu โดยโปรแกรม affiliate ให้ค่าคอมมิชชั่นใกล้เคียงกับไทยที่ 10-30% และเงิน 1,500 เยน หรือสูงถึงกว่า 350 บาท ต่อการดาวน์โหลดและสั่งซื้อครั้งแรก

ทั้งนี้ โปรแกรม affiliate เสนออัตราคอมมิชชันต่างๆ โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 5-30% ขึ้นอยู่กับยอดการซื้อและปัจจัยอื่นๆ ทำให้ผู้ใช้งานที่เข้าร่วมโปรแกรม สามารถรับรางวัลได้โดยการดึงดูดผู้ใช้ใหม่ให้ดาวน์โหลดแอป Temu และซื้อสินค้าผ่านลิงก์อ้างอิง

การเติบโตของ affiliate marketing

Proficient Market Insights คาดว่า อุตสาหกรรม affiliate marketing ทั่วโลกจะเติบโตถึงขนาดตลาด 27,780 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 978,700 ล้านบาท ภายในปี 2027 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้นที่ 9.89%

เนื่องจากธุรกิจจำนวนมาก มองหาวิธีในการเข้าถึงลูกค้ารายใหม่และเพิ่มยอดขาย การตลาดแบบ affiliate จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าดึงดูดใจมากขึ้น การเติบโตนี้เป็นผลมาจากบริษัทและบุคคลจำนวนมากขึ้นที่หันมาใช้ affiliate เพื่อสร้างรายได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนสูง

โดยเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดใจสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่สตาร์ทอัพขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ โดยในปี 2023 ที่ผ่านมา นิตยสาร Forbes รายงานว่า 83% ของคนทำการตลาดที่ใช้โปรแกรม affiliate เพื่อเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์

นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่ขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมการตลาด affiliate คือ ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากผู้คนจำนวนมาก ซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ธุรกิจทั้งหลายจึงมองหาวิธีในการเข้าถึงลูกค้าเหล่านี้

ผู้ประกอบการไทยควรทำอย่างไร กับการมาของ Temu?

จากการเปิดตัวของ Temu  แบบเงียบ รวมถึง โปรแกรม affiliate ล่าสุด ทำให้หลายคนกังวลว่า ‘สินค้าจีนเข้ามาทะลักในไทย’ หรือไม่? ทั้งโมเดลธุรกิจและกลยุทธ์ของ Temu ที่คล้ายคลึงกับธุรกิจสัญชาติจีนอื่นๆ ที่เข้ามาเปิดตัวในไทย กินส่วนแบ่งรวบ และกลายเป็นผู้เล่นหลักในที่สุด

ไม่นานมานี้ SPOTLIGHT ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ‘คุณป้อม-ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง Creden.co และ PaySolutions และผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ พูดถึงสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเตรียมตัว

โดยคุณภาวุธเผย 3 ประเด็นหลักที่ผู้ประกอบการไทยควรระวังดังนี้:

1. รับรู้และยอมรับว่า “เรา (ไทย) สู้เขา (จีน) ไม่ได้” ธุรกิจบางประเภทต้องมีการเปลี่ยนแปลง หากลยุทธ์ใหม่ เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า มีบริการเสริม-บริการหลังการขาย และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
2. ใช้เทคโนโลยี ซอฟท์แวร์ หรือเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น แม้จะมีแรงงานคนเท่าเดิม รวมทั้งเพิ่มช่องทางการขายมากขี้นด้วย
3. ปรับทีมให้เข้าใจออนไลน์ เพราะออนไลน์ คือ ทางหลักของธุรกิจแล้ว

อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่: https://www.amarintv.com/spotlight/insight/detail/67690

เตรียมนำ Temu เข้าระบบภาษี

ล่าสุดอินโฟเควสท์ รายงานว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้กรมสรรพากรเตรียมนำ Temu เข้าระบบภาษี จากการประสานงานเบื้องต้นก่อนหน้า ซึ่งอยู่ระหว่างหารือ แต่สุดท้ายแล้ว แพลตฟอร์มแบบนี้ก็ต้องเข้าสู่ระบบภาษีของไทยแน่นอน

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า รัฐฯ ใช้กลไกการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT กับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ผ่านกรมศุลกากรมาช่วยดำเนินการในเบื้องต้น แต่หลังจากนี้ แพลตฟอร์มทั้งหมด จะเชื่อมต่อระบบกับกรมสรรพากร รวมถึง Temu ด้วย

โดยคาดว่า การเชื่อมต่อกับระบบของกรมสรรพากรจะเกิดขึ้นได้ภายในต้นปีหน้า สำหรับสินค้าที่นำเข้ามา โดยเฉพาะของเล่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ต้องผ่านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และตรวจสอบอย่างเข้มงวดด้วย

ที่มา TEMU Affiliate, TAMU App, Shopify, Forbes, Persuasion Nation, Infoquest