ธุรกิจการตลาด

ทายาท อิโตะ เผชิญแรงกดดันจากการขาย 7-Eleven ทั่วโลก ให้ Couche-Tard

20 ส.ค. 67
ทายาท อิโตะ เผชิญแรงกดดันจากการขาย 7-Eleven ทั่วโลก ให้ Couche-Tard

ทายาทตระกูล อิโตะ ผู้ก่อตั้งอาณาจักร 7-Eleven กำลังเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของบริษัทและมรดกของครอบครัว เมื่อข้อเสนอซื้อกิจการครั้งประวัติศาสตร์จาก Couche-Tard วางอยู่บนโต๊ะ การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงส่งผลต่ออนาคตของ 7-Eleven ทั่วโลก เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกธุรกิจญี่ปุ่นที่กำลังเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันจากนักลงทุนและโอกาสในการสร้างยักษ์ใหญ่ค้าปลีกระดับโลก ทายาทตระกูลอิโตะจะตัดสินใจอย่างไร?

ทายาท อิโตะ เผชิญแรงกดดันจากการขาย 7-Eleven ทั่วโลก ให้ Couche-Tard

ทายาท อิโตะ เผชิญแรงกดดันจากการขาย 7-Eleven ทั่วโลก ให้ Couche-Tard

ทายาทมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Seven & i Holdings Co. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่มีชื่อเสียง กำลังจะได้รับผลตอบแทนทางการเงินมหาศาล หากพวกเขาให้การสนับสนุนต่อข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งอาจกลายเป็นการเข้าซื้อกิจการบริษัทญี่ปุ่นโดยบริษัทต่างชาติครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

จากรายงานประจำปีของบริษัท ทายาทของ Masatoshi Ito ถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของ Seven & i ผ่านบริษัทที่ครอบครัวเป็นเจ้าของ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 8.1% คิดเป็นมูลค่ากว่า 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Seven & i ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่าได้รับข้อเสนอซื้อกิจการแบบไม่มีผลผูกพันจาก Alimentation Couche-Tard Inc. บริษัทค้าปลีกชั้นนำจากประเทศแคนาดา ซึ่งทาง Couche-Tard ก็ได้ออกมายืนยันว่าได้ยื่นข้อเสนอ "แบบเป็นมิตร (friendly)" ไปแล้ว

หากการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้สำเร็จลุล่วง ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่จะพลิกโฉมธุรกิจของทั้งสองบริษัท Alain Bouchard มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง Couche-Tard เคยแสดงความสนใจในการเข้าซื้อกิจการ Seven & i ตั้งแต่ปี 2005 ตามบทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ Globe and Mail ของแคนาดาเมื่อปี 2016 อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น Ito ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าทั้งสองบริษัทยังจำเป็นต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดสหรัฐฯ ก่อนที่จะพิจารณาการควบรวมกิจการ

ทายาท 'อิโตะ' จะยอมขาย'7-Eleven' หรือไม่? เส้นทางดีลประวัติศาสตร์ยังคงไร้คำตอบ

ทายาท อิโตะ เผชิญแรงกดดันจากการขาย 7-Eleven ทั่วโลก ให้ Couche-Tard

ยังไม่มีความชัดเจนว่าตระกูลอิโตะจะเห็นด้วยกับข้อเสนอซื้อกิจการครั้งนี้หรือไม่ Michael Causton ผู้ร่วมก่อตั้ง JapanConsuming บริษัทวิจัยในโตเกียวที่เน้นศึกษาภาคค้าปลีกและผู้บริโภคของญี่ปุ่น แสดงความเห็นว่าตระกูลอิโตะอาจไม่เต็มใจที่จะขายมรดกของครอบครัว "Seven & i ถือเป็นสถาบันของญี่ปุ่นและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทชั้นนำของประเทศ" Causton กล่าว "การขายให้กับบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่เป็นคู่แข่งในอเมริกาเหนือ ถือเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้"

ตัวแทนของ Seven & i ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติมนอกเหนือจากแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ในขณะที่ Couche-Tard ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อเรื่องนี้ และ หากดีลนี้สำเร็จ จะเป็นการขายกิจการที่หาได้ยากมากในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องธุรกิจที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ล่าสุด มูลค่าหุ้นของ Seven & i พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 23% ในวันจันทร์ที่โตเกียว ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัทอยู่ที่ 5.63 ล้านล้านเยน (38.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) และทำให้มูลค่าหุ้นที่ตระกูลอิโตะถือครองเพิ่มขึ้นถึง 866 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่หุ้นของ Couche-Tard ในตลาดหุ้นโทรอนโตกลับลดลง 2.2%

สำหรับ ผู้ก่อตั้ง Seven & i เสียชีวิตเมื่อปีที่แล้วด้วยวัย 98 ปี โดยมีทรัพย์สินสุทธิ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามดัชนีมหาเศรษฐี Bloomberg ปัจจุบัน Junro Ito บุตรชายของเขา ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารและเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท ด้าน Bouchard และ Jacques D’Amours ผู้ร่วมก่อตั้ง Couche-Tard ก็สร้างฐานะมหาเศรษฐีจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อเช่นกัน โดยมีทรัพย์สินสุทธิ 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ จากข้อมูลของดัชนีความมั่งคั่ง Bloomberg บริษัทเติบโตจากร้านค้าเล็กๆ ในย่านชานเมืองมอนทรีออลที่ Bouchard เปิดในปี 1980 จนปัจจุบันมีร้านค้ากว่า 16,700 แห่งทั่วโลก ผ่านการเข้าซื้อกิจการคู่แข่งหลายราย รวมถึงเครือร้านสะดวกซื้อ Circle K ในสหรัฐฯ

Masatoshi Ito คือใคร

ทายาท อิโตะ เผชิญแรงกดดันจากการขาย 7-Eleven ทั่วโลก ให้ Couche-Tard

Masatoshi Ito ผู้ล่วงลับ เขาเกิดในปี 1924 เขาได้ขยายร้านค้าเล็กๆ ของครอบครัวจนกลายเป็นหนึ่งในผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และนำร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ไปสู่ระดับโลก บางครั้ง อิโตะ ถูกเรียกว่าเป็น "แซม วอลตัน แห่งญี่ปุ่น" เขาเป็นที่รู้จักในเรื่องสไตล์การบริหารธุรกิจแบบกระจายอำนาจ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากมิตรภาพอันยาวนานกับปีเตอร์ ดรักเกอร์ ที่ปรึกษาด้านการจัดการชื่อดัง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยกล่าวถึงอิโตะว่าเป็น "หนึ่งในผู้ประกอบการและนักสร้างธุรกิจที่โดดเด่นที่สุดในโลก"

ปัจจุบันอาณาจักรธุรกิจของ Seven & i ครอบคลุมร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน และร้านค้าปลีกกว่า 85,000 แห่งทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัทยังมีบทบาทสำคัญในญี่ปุ่น โดยให้บริการที่จำเป็น เช่น การจัดส่งอาหารและน้ำในช่วงภัยพิบัติ ในตอนแผ่นดินไหว "Seven & i ไม่ใช่แค่ผู้ค้าปลีก แต่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานบริการฉุกเฉินของญี่ปุ่น" "ดังนั้น ผมไม่คิดว่ารัฐบาลจะสนับสนุนการเข้าซื้อกิจการโดยต่างชาติในกรณีนี้" Michael Causton กล่าว

จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเข้าซื้อกิจการอื่นๆ ในปี 2020 Seven & i ตกลงซื้อปั๊มน้ำมันและร้านค้า Speedway ประมาณ 3,900 แห่งจาก Marathon Petroleum Corp. ในสหรัฐฯ ด้วยมูลค่า 21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

แรงกดดันจากนักลงทุน และโอกาสการควบรวมครั้งประวัติศาสตร์

ทายาท อิโตะ เผชิญแรงกดดันจากการขาย 7-Eleven ทั่วโลก ให้ Couche-Tard

Seven & i Holdings Co. เผชิญแรงกดดันจากกองทุน ValueAct Capital Management LP ซึ่งมีความเห็นว่าบริษัทควรเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินและมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven เป็นหลัก ด้านนักวิเคราะห์จาก Macquarie, Natsuko Douglas และ Linda Huang ได้แสดงความคิดเห็นว่า "หลังจากยอดขายที่ซบเซา บริษัทอาจพยายามอย่างหนักเพื่อปรับปรุงธุรกิจและแสดงให้เห็นว่าตนเองเป็นเจ้าของที่เหมาะสมที่สุด ดูเหมือนว่าฝ่ายบริหารกำลังดำเนินการเพื่อปรับปรุงผลประกอบการเหล่านี้อยู่"

การเข้าซื้อกิจการบริษัทญี่ปุ่นโดยบริษัทต่างชาตินั้นถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงแนวทางการควบรวมกิจการเมื่อไม่นานมานี้ รวมถึงแรงกดดันจากนักลงทุนที่ต้องการให้บริษัทเพิ่มมูลค่า อาจเปิดโอกาสให้เกิดข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ที่สร้างยักษ์ใหญ่ร้านสะดวกซื้อระดับโลก โดยทายาทของ Masatoshi Ito ถือครองหุ้นส่วนใหญ่ของ Seven & i ผ่านบริษัทลงทุนที่ไม่ได้เปิดเผยสัดส่วนการถือหุ้นของแต่ละบุคคล อิโตะและภรรยา Nobuko มีบุตรธิดาสามคน ได้แก่ Yasuhisa, Hisako และ Junro

การตัดสินใจของทายาทตระกูลอิโตะ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับ 7-Eleven แต่ยังรวมถึงภาพรวมของธุรกิจญี่ปุ่นในยุคโลกาภิวัฒน์ การขายกิจการครั้งนี้อาจนำมาซึ่งผลตอบแทนทางการเงินมหาศาล แต่ก็อาจหมายถึงการสูญเสียมรดกทางธุรกิจที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร การตัดสินใจครั้งนี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ธุรกิจญี่ปุ่น และเป็นเครื่องเตือนใจว่าแม้แต่อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ที่มา bloomberg

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT