ธุรกิจการตลาด

Audi ส่อปิดโรงงาน EV ในเบลเยียม สหภาพฯ วิตก 3,000 ชีวิตอาจตกงาน

16 ต.ค. 67
Audi ส่อปิดโรงงาน EV ในเบลเยียม สหภาพฯ วิตก 3,000 ชีวิตอาจตกงาน

อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV กลายเป็นเทรนด์หลักที่ผู้ผลิตรายใหญ่ทั่วโลกต่างมุ่งหน้าพัฒนา ทว่าเส้นทางสู่ความสำเร็จไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Audi ก็กำลังเผชิญกับบททดสอบอันหนักหน่วง เมื่อโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเบลเยียม กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อการปิดตัวลง

ส่งผลกระทบต่ออนาคตของพนักงานหลายพันชีวิต และสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายต่าง ๆ ที่ผู้เล่นในอุตสาหกรรมนี้ต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย การแข่งขันที่ดุเดือด และต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกสถานการณ์ ดูปัญหา และมองหาโอกาส ของ Audi และอุตสาหกรรมยานยนต์ ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า

Audi ส่อปิดโรงงาน EV ในเบลเยียม สหภาพฯ วิตก 3,000 ชีวิตอาจตกงาน

Audi ส่อปิดโรงงาน EV ในเบลเยียม สหภาพฯ วิตก 3,000 ชีวิตอาจตกงาน

Audi (อาวดี้ ) แบรนด์รถยนต์ระดับพรีเมียมในเครือโฟล์คสวาเกน เอจี ได้ประกาศยุติการพิจารณาข้อเสนอการลงทุนทั้งหมด สำหรับโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งกำลังประสบปัญหาขาดทุน ส่งผลให้โรงงานแห่งนี้มีความเสี่ยงที่จะต้องปิดตัวลงในที่สุด

คุณ เกิร์ด วอล์คเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Audi ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมสภาแรงงาน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยระบุว่า จากผู้สนใจและนักลงทุนที่มีศักยภาพทั้งหมด 26 ราย รวมถึงผู้ที่เพิ่งยื่นข้อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ยังไม่มีข้อเสนอใดที่นำเสนอ "แนวคิดที่เป็นไปได้ และมีความยั่งยืน" สำหรับอนาคตของโรงงานแห่งนี้ นอกจากนี้ การค้นหาภายในกลุ่มโฟล์คสวาเกน เพื่อหาผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น หรือธุรกิจอื่นๆ ที่สนใจจะเข้ามาใช้ประโยชน์จากโรงงานแห่งนี้ ก็ไม่ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด

สถานการณ์ดังกล่าว สร้างความกังวลให้กับพนักงาน และสหภาพแรงงาน เกี่ยวกับอนาคตของโรงงาน และความมั่นคงในการจ้างงาน ซึ่ง Audi อยู่ระหว่างการหารือกับสหภาพแรงงาน เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด สำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ชี้ชะตา 3,000 ชีวิต! สหภาพฯ จวก "Audi" มุ่งปิดโรงงานในเบลเยียม

คุณ วอล์คเกอร์ กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความชัดเจนในกระบวนการให้ข้อมูลและการปรึกษาหารือกับพนักงาน โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมุ่งเน้นไปที่การหารือเกี่ยวกับแผนการช่วยเหลือพนักงาน พร้อมยืนยันว่ากระบวนการทั้งหมดจะดำเนินไปด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม และคำนึงถึงผลประโยชน์ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ในทางตรงกันข้าม คุณรอนนี่ ลีดส์ ผู้แทนสหภาพแรงงาน ACV-CSC ประจำโรงงาน แสดงความกังวลว่าพนักงานราว 3,000 คน อาจต้องสูญเสียงาน โดยวิพากษ์วิจารณ์ว่าฝ่ายบริหารมุ่งเน้นแต่การปิดโรงงานโดยเร็วที่สุด โดยไม่พิจารณาทางเลือกอื่นใด

ทั้งนี้ โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในกรุงบรัสเซลส์ ซึ่งมีต้นทุนการดำเนินงานสูง ประกอบกับยอดขายรถยนต์ SUV พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตในโรงงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ปัญหาเหล่านี้ รวมถึงข้อจำกัดด้านทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการขยายโรงงาน และการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ ส่งผลให้โรงงานแห่งนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกปิดตัวลง ซึ่งอาจเป็นโรงงานแห่งแรกของกลุ่มโฟล์คสวาเกนในยุโรปที่ต้องเผชิญชะตากรรมดังกล่าว

วิกฤตหนัก! โฟล์คสวาเกนเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ยอดขายอีวีต่ำ-คู่แข่งรุกหนัก

Audi ส่อปิดโรงงาน EV ในเบลเยียม สหภาพฯ วิตก 3,000 ชีวิตอาจตกงาน

Audi มิใช่แบรนด์เดียวในเครือโฟล์คสวาเกน กรุ๊ป ที่กำลังเผชิญกับภาวะวิกฤต ยอดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ตกต่ำ ประกอบกับการขาดแคลนรถยนต์รุ่นที่เข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงจากคู่แข่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอย่าง เทสลา และ บีวายดี ล้วนเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดแห่งยุโรปรายนี้ จำเป็นต้องดำเนินมาตรการลดต้นทุนครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี

กำลังการผลิตที่ล้นเกินในโรงงานต่างๆ ของโฟล์คสวาเกน ภายในประเทศเยอรมนี บีบบังคับให้บริษัทต้องพิจารณาปิดโรงงานในเยอรมนีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อันยาวนาน 87 ปี และอาจถึงขั้นยกเลิกข้อตกลงรับประกันความมั่นคงในการจ้างงาน ซึ่งมีผลบังคับใช้กับพนักงานมายาวนานกว่าสามทศวรรษ

ทั้งนี้ ข้อบังคับทางกฎหมายของประเทศเบลเยียม กำหนดให้ผู้บริหารโรงงานและตัวแทนฝ่ายแรงงาน ต้องร่วมกันเจรจาหารือเกี่ยวกับอนาคตของโรงงานที่ประสบภาวะวิกฤตและมีความเสี่ยงที่จะถูกปิดตัวลง แม้ว่าที่ผ่านมา ตัวแทนจากอาวดี้และฝ่ายแรงงานจะได้พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อรักษาสถานะการดำเนินงานของโรงงานแห่งนี้ไว้ แต่ก็ยังไม่ปรากฏแนวทางปฏิบัติใดที่สามารถพิสูจน์ความเป็นไปได้ในเชิงเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน

ในปัจจุบัน Audi กำลังดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรในหลายหน่วยงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจและผลักดันให้การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการเดินหน้าแผนการเข้าร่วมการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวัน ซึ่งมีกำหนดเริ่มต้นขึ้นในปี 2026

Audi เผชิญความท้าทาย ยุคเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า

สถานการณ์ของโรงงาน Audi ในเบลเยียมสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่กำลังเผชิญ ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า การแข่งขันที่รุนแรง ต้นทุนการผลิตที่สูง และยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ล้วนเป็นปัจจัยบีบคั้นให้บริษัทต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน

การตัดสินใจปิดโรงงาน แม้จะเป็นเรื่องยากลำบาก แต่ก็อาจเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางธุรกิจในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อพนักงาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้าม

Audi ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างโปร่งใส และให้ความสำคัญกับการเจรจาหารือกับสหภาพแรงงาน เพื่อหาทางออกที่ยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย ซึ่งอาจรวมถึงมาตรการช่วยเหลือพนักงาน เช่น การจ่ายค่าชดเชย การฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะ และการช่วยเหลือในการหางานใหม่

ขณะเดียวกัน Audi ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนา และส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูง สู่ตลาด โดยมีแผนปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และความคล่องตัว ในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการลงทุนใน Formula 1 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญ ในการแสดงศักยภาพทางเทคโนโลยี และสร้างภาพลักษณ์ ที่ทันสมัย ให้กับแบรนด์

อุตสาหกรรมยานยนต์ผ่าวิกฤต! Audi เผยความท้าทาย "ยุค EV"

Audi ส่อปิดโรงงาน EV ในเบลเยียม สหภาพฯ วิตก 3,000 ชีวิตอาจตกงาน

สถานการณ์ของโรงงาน Audi ในเบลเยียมสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายอันหนักหน่วง ที่อุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้า การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้น และยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ผู้ผลิตรถยนต์จำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน เพื่อประคับประคองธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้

การตัดสินใจปิดโรงงาน แม้จะเป็นมาตรการที่ก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง แต่ในบางครั้งก็อาจเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อธำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพทางธุรกิจในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพนักงาน ซึ่งถือเป็นทรัพยากรบุคคลอันมีค่าขององค์กร ย่อมเป็นสิ่งที่ผู้บริหารไม่อาจมองข้าม

Audi ขอยืนยันเจตนารมณ์ในการดำเนินการทุกขั้นตอนด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม และคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล โดยให้ความสำคัญกับการเจรจาหารือกับสหภาพแรงงาน เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ซึ่งอาจรวมถึงมาตรการช่วยเหลือพนักงาน อาทิ การจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน การจัดฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะ และการให้ความช่วยเหลือในการประกอบอาชีพหรือหางานใหม่

ในขณะเดียวกัน Audi ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนา และนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีคุณภาพสูง ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนในการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และความคล่องตัว ในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการลงทุนใน Formula 1 ซึ่งเป็นเวทีระดับโลก ที่ช่วยในการแสดงศักยภาพทางเทคโนโลยี และเสริมสร้างภาพลักษณ์ ที่ทันสมัย ให้กับแบรนด์

อนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ ยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทาย และเปี่ยมไปด้วยโอกาส ผู้ผลิตรายใดที่สามารถปรับตัว และรับมือกับกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมสามารถยืนหยัด และเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน

ที่มา bloomberg

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT