ธุรกิจการตลาด

ช็อก! Walgreens ปิดสาขา 1,200 แห่งทั่วสหรัฐฯ ภายใน 3 ปี

18 ต.ค. 67
ช็อก! Walgreens ปิดสาขา 1,200 แห่งทั่วสหรัฐฯ ภายใน 3 ปี

ธุรกิจยุคใหม่ ใครปรับตัวไม่ทันก็อาจต้องล้มหายตายจากไป Walgreens เชนร้านขายยารายใหญ่ของสหรัฐฯ ก็หนีไม่พ้น ล่าสุดประกาศปิดสาขา 1,200 แห่งทั่วประเทศ ภายใน 3 ปี สร้างความตื่นตะลึง และเป็นสัญญาณเตือนภัย ว่าธุรกิจร้านขายยาแบบเดิมๆ กำลังถึงทางตัน อะไรคือสาเหตุ? Walgreens จะรับมืออย่างไร? ธุรกิจร้านขายยาจะไปต่อในทิศทางไหน?

ช็อก! Walgreens ปิดสาขา 1,200 แห่งทั่วสหรัฐฯ ภายใน 3 ปี

ช็อก! Walgreens ปิดสาขา 1,200 แห่งทั่วสหรัฐฯ ภายใน 3 ปี

Walgreens เชนร้านขายยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ Walgreens ประกาศแผนปิดสาขา 1,200 แห่ง ภายในปี 2027 สำหรับ Walgreens Boots Alliance ผู้ดำเนินธุรกิจร้านขายยาชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ประกาศแผนการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งสำคัญ ด้วยการปิดสาขาประมาณ 1,200 แห่ง ภายในปี 2027 คิดเป็นสัดส่วนกว่า 14% ของสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน โดยในปีงบประมาณ 2025 บริษัทมีกำหนดปิดสาขาจำนวน 500 แห่ง

การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก Walgreens ประสบผลประกอบการที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แม้รายได้ในไตรมาสที่ผ่านมาจะเติบโตขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่บริษัทกลับรายงานผลขาดทุนสุทธิกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 99,660 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัทยาของจีนและบริษัท CareCitrix ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพที่บ้าน ประกอบกับแรงกดดันจากการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตลาดค้าปลีกออนไลน์ และอัตราการชำระเงินสำหรับยาตามใบสั่งแพทย์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

นาย Neil Saunders นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมค้าปลีกจาก GlobalData Retail ให้ความเห็นว่า Walgreens กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ และการปิดสาขาจำนวนมากในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัท "ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Walgreens มุ่งเน้นการขยายธุรกิจผ่านการเข้าซื้อกิจการ แต่กลับละเลยการพัฒนาพื้นฐานของร้านค้าและการดำเนินงานค้าปลีก ส่งผลให้สาขาจำนวนมากประสบภาวะขาดทุนและไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้" นาย Saunders กล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังจากการประกาศแผนปิดสาขา ราคาหุ้นของ Walgreens กลับปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด แม้ภาพรวมราคาหุ้นในปีนี้จะลดลงเกือบ 70% อนึ่ง ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน Walgreens ภายใต้การบริหารงานของซีอีโอ Tim Wentworth ได้ประกาศแผนปรับปรุงประสิทธิภาพของธุรกิจ ด้วยการปิดสาขาที่ผลประกอบการต่ำกว่าเป้าหมายไปแล้ว 300 แห่ง และเปิดเผยว่า เกือบ 25% ของสาขาทั้งหมดกำลังประสบปัญหาขาดทุน

สถานการณ์ธุรกิจร้านขายยา บททดสอบแห่งความอยู่รอด

ช็อก! Walgreens ปิดสาขา 1,200 แห่งทั่วสหรัฐฯ ภายใน 3 ปี

การประกาศปิดสาขาของ Walgreens สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ถาโถมเข้าใส่ธุรกิจร้านขายยาในปัจจุบัน ซึ่งกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากหลายปัจจัย ด้านธุรกิจร้านขายยา อาทิ CVS และ Rite Aid ต่างประสบปัญหาผลกำไรจากการจ่ายยาตามใบสั่งแพทย์ลดลงอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากอัตราการชำระเงินคืนที่ต่ำลง ประกอบกับการแข่งขันจาก Amazon ผู้เล่นรายใหม่ในตลาด ที่เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด

ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเสาหลักของร้านขายยา ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งรายใหญ่ เช่น Target และ Dollar General ที่ขยายฐานลูกค้าในพื้นที่ชนบท ส่งผลให้ร้านขายยาต้องปรับตัวอย่างหนัก เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด โดยภาวะเช่นนี้ ผลักดันให้ Walgreens ต้องตัดสินใจปรับลดราคาสินค้ากว่า 1,000 รายการ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นยอดขายและดึงดูดลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ โดยเป็นไปในทิศทางเดียวกับคู่แข่งรายอื่น ที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้

นาย Tim Wentworth ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Walgreens ยอมรับว่า การพลิกฟื้นองค์กรต้องใช้เวลา แต่เชื่อมั่นว่าในระยะยาวจะนำมาซึ่งผลตอบแทนทางการเงิน และประโยชน์แก่ผู้บริโภคอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า การปิดสาขาครั้งนี้ แม้จะช่วยให้ Walgreens สามารถลดภาระค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพทางการเงินในระยะยาว แต่ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงความล้มเหลวในการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจ ที่ผ่านมา

บทเรียนจาก Walgreens การปรับตัวของธุรกิจร้านขายยา

ช็อก! Walgreens ปิดสาขา 1,200 แห่งทั่วสหรัฐฯ ภายใน 3 ปี

การปิดสาขาครั้งใหญ่ของ Walgreens สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมค้าปลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจร้านขายยา ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งออนไลน์ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และแรงกดดันด้านต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น

Walgreens ไม่ใช่ผู้เล่นรายเดียวที่ต้องปรับตัว คู่แข่งรายสำคัญอย่าง CVS และ Rite Aid ต่างก็ดำเนินมาตรการลดต้นทุน เช่น การลดจำนวนพนักงาน และการปิดสาขา เช่นเดียวกัน ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ธุรกิจร้านขายยาแบบดั้งเดิม กำลังถึงจุดเปลี่ยน และจำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน เพื่อความอยู่รอด

คำถามที่น่าสนใจคือ Walgreens จะสามารถพลิกฟื้นธุรกิจ และกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้งหรือไม่ แผนการปิดสาขา แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ก็อาจเป็นก้าวสำคัญในการปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดภาระค่าใช้จ่าย ในระยะยาว Walgreens อาจจำเป็นต้องทบทวนกลยุทธ์ และมองหาโอกาสใหม่ๆ เช่น การขยายธุรกิจด้านสุขภาพ การลงทุนในเทคโนโลยี และการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่แตกต่าง เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

อนาคตของ Walgreens ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมค้าปลีกโดยรวม และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตัวครั้งสำคัญ ของธุรกิจร้านขายยา ทั่วโลก นอกจากนี้การติดตามความเคลื่อนไหว และการปรับตัวของ Walgreens จะเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ สำหรับผู้ประกอบการ และนักลงทุน ในอุตสาหกรรมค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ต่อไป

ที่มา abc12

advertisement

SPOTLIGHT