‘TikTok’ ม้ามืดแห่งวงการกำลังไล่บี้แอปรุ่นพี่แบบไม่ให้ได้หายใจหายคอเลยทีเดียว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทำ ‘Facebook’ เจ้าพ่อแห่งวงการโซเชียลมีเดียเสียศูนย์ จากการสูญเสียทั้งจำนวนผู้ใช้งาน และ ‘เอกลักษณ์’ ความเป็นแอปโซเชียลของตัวเองไปแล้ว ในผลการสำรวจล่าสุดยังเผยว่า ในแวดวงแอปพลิเคชันการรับชมวิดีโอ TikTok ยังผงาดขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ในแง่ของผู้ใช้งานวัยหนุ่มสาวในสหรัฐ หลังเบียด ‘Netflix’ ได้สำเร็จ
TikTok ไล่บี้รุ่นพี่ ยอดผู้ใช้แซง Netflix เวลารับชมเบียด Facebook
ผลสำรวจจาก Omdia บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีเผยว่า ยอดผู้ใช้งานแอปพลิเคชันด้านการรับชมวิดีโอ อายุต่ำกว่า 35 ปีในสหรัฐ ของ TikTok ได้แซง Netflix และครองอันดับที่ 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นรองเพียงแค่ YouTube ยักษ์ใหญ่ด้านแพลตฟอร์มให้บริการด้านวิดีโอจาก Google
นอกจากนี้ ผลสำรวจผู้ใช้งานกลุ่มอายุต่ำกว่า 35 ปี ใน สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ยังเผยว่า TikTok อยู่ในอันดับที่ 5 อีกด้วย อย่างไรก็ดี ผลสำรวจกลุ่มผู้ใช้งานที่มีอายุ 35 ขึ้นไปพบว่า TikTok รั้งอันดับที่ 6 ในสหรัฐ แต่ ในสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสไม่ติดโผ
ผลสำรวจยังระบุอีกว่า ‘YouTube’ ยังครองตำแหน่งแชมป์ในทั้ง 3 ประเทศ และในทุกกลุ่มอายุ สรุปง่ายๆ ได้ว่า เมื่อพูดถึงช่องทางการรับชมวิดีโอ ยูทูบยังคงเป็น ‘Top of Mind’ หรือที่ 1 ในใจ ของผู้ใช้อยู่ในปี 2022 นี้
Maria Rua Aguete ผู้อำนวยการอาวุโสของ Omdia เผยว่า “สำหรับคนในแวดวงสื่อ โฆษณา หรืออื่นๆ ที่อยากจะจับกลุ่มคนดูวัยเยาว์ ความสำคัญของ TikTok ในการเข้าถึงและสร้างกลุ่มคนดูใหม่ๆ เป็นอะไรที่มองข้ามไม่ได้เลย”
ผลสำรวจจาก Omdia ฉบับนี้ เผยว่า ในปี 2021 ที่ผ่านมา ผู้คนใช้เวลารับชมคอนเทนต์ประเภทวิดีโอบนโซเชียลมีเดียเฉลี่ยวันละ ‘60 นาที’ เพิ่มขึ้นถึง 9 นาทีต่อวัน จากการสำรวจผู้ใช้งานจากสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และออสเตรเลีย
โดย TikTok ถือเป็นแอปพลิเคชันที่มีอัตราการเติบโตด้านเวลารับชมสูงที่สุด โดยผู้ชมจะใช้เวลาชมคลิปบน TikTok เฉลี่ยถึงวันละ 18.1 นาที ในปี 2021 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงกว่า 35% Omdia คาดว่าในปี 2022 นี้ เวลาที่ผู้ใช้งานรับชมคลิปบน TikTok กำลังจะแซง Facebook ซึ่งปีก่อนทำไว้ที่ 18.7 นาที/วัน ในอีกไม่ช้า เนื่องจากในปีที่ผ่านมา Facebook ประสบปัญหาจำนวนผู้ใช้งานลดลง ‘ครั้งแรก’ ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
ทางฝั่ง Facebook เผยว่า ปัจจุบัน ‘เวลาครึ่งหนึ่งของการใช้งานแพลตฟอร์มถูกใช้ไปกับการรับชมวิดีโอ และช่องทางนี้เองจะกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญของบริษัทในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า’ แม้ปัจจุบัน Facebook จะยังประสบปัญหาผู้ใช้งานรายเดือน (MAU - monthly active users) ลดลง และฟีเจอร์วิดีโอคลิปสั้น ‘Reels’ ที่มีทั้งบน Facebook และแอปร่วมค่ายอย่าง Instagram จะยังไม่สามารถสู้กับความร้อนแรงของ TikTok ได้ก็ตาม
TikTok รุกตลาดผู้ใหญ่ เพิ่มตัวเลือก 18+ ให้ครีเอเตอร์
TikTok มีฐานผู้ใช้งานส่วนใหญ่เป็นเด็กและวัยรุ่น เจน Z และเมื่อพวกเขาเหล่านี้โตขึ้น แอปก็สมควรที่จะเติบโตขึ้นตามไปด้วย โดย TikTok ได้เตรียมเพิ่มออปชั่นใหม่ ให้ครีเอเตอร์สามารถติ๊กช่อง ‘สำหรับผู้ชมที่มีอายุมากกว่า 18 ปี’ ก่อนที่จะไลฟ์สตรีม เพื่อแจ้งผู้ชมว่า ไลฟ์นี้มีความดุ เด็ด เผ็ด มัน เกินกว่าเด็กจะรับชม
แต่ออปชั่นนี้ ไม่ได้มีไว้ให้ครีเอเตอร์สามารถ อวดวิทยายุทธ์งัด ‘อาวุธลับ’ ออกมาโชว์แต่อย่างใด
TikTok เผยว่า ออปชั่นนี้เพื่อให้อิสระครีเอเตอร์ในการแบ่งปัน ‘เรื่องที่ผู้ใหญ่เขาคุยกัน’ อย่างเช่น มุกตลกเสียดสี ประสบการณ์ชีวิตแบบคนที่ผ่านโลกมามาก โดยยังคงต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ TikTok เช่น ห้ามโชว์โป๊เปลือย สื่อลามกอนาจาร หรือกิจกรรมทางเพศแบบโจ๋งครึ่ม อย่างเคร่งครัด
ใครที่คิดว่า TikTok จะเตรียมประชันกับ Only Fans จากการออกตัวเลือกใหม่นี้ ก็ขอแสดงความเสียใจด้วย
นอกจากนี้ TikTok ยังอัพเดตกฎเกณฑ์ของการไลฟ์สตรีม อย่างเช่น เพิ่มเกณฑ์อายุของครีเอเตอร์ที่สามารถใช้ฟีเจอร์ไลฟ์สตรีมได้ จาก 16 ปี เป็น 18 ปี ในวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ เพิ่มจำนวนผู้ใช้ให้สามารถไลฟ์พร้อมกันได้สูงสุดถึง 5 คน และเตรียมเพิ่มความเข้มงวดของ AI ที่ช่วยตรวจจับคีย์เวิร์ดในคอมเมนต์ และส่งคำเตือนและข้อแนะนำให้กับครีเอเตอร์ที่กำลังไลฟ์ เพื่อให้สามารถช่วยดูแลคอมเมนต์ไม่ให้ดุเดือดจนเกินไปได้
ฟีเจอร์ไลฟ์สตรีมใน TikTok กำลังค่อยๆ ขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่ของการเป็นจุดขาย และเป็นแหล่งรายได้ของแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นแพลตฟอร์มนี้ โดยในปี 2021 ฟีเจอร์ไลฟ์สตรีมสร้างรายได้ให้กับ TikTok คิดเป็น 15% ของรายได้ทั้งหมด และกำลังเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัว เคียงคู่ไปกับการเติบโตของ TikTok
ปัจจุบัน TikTok เป็นแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 3 บน Google Play และอันดับที่ 5 บน App Store ของสหรัฐ ในขณะที่ Facebook อยู่ในอันดับที่ 32 และอันดับที่ 20 อ้างอิงจากข้อมูลโดย Sensor Tower
ที่มา : Omdia, Gizmodo, Sensor Tower