ธุรกิจการตลาด

อาลีบาบา ยอมจ่ายเงินกว่า 14.7 หมื่นล้านบาท ยุติคดีผูกขาดตลาด

27 ต.ค. 67
อาลีบาบา ยอมจ่ายเงินกว่า 14.7 หมื่นล้านบาท ยุติคดีผูกขาดตลาด

โลกธุรกิจดุเดือด!  ไม่เว้นแม้แต่ยักษ์ใหญ่อย่าง "อาลีบาบา"  ล่าสุดต้องยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินกว่า 14.7 หมื่นล้านบาท  เพื่อยุติคดีฟ้องร้องจากนักลงทุนในสหรัฐฯ  ที่กล่าวหาว่าบริษัทมีพฤติกรรมผูกขาดตลาด แม้จะยอมจ่ายเงินมหาศาล  แต่อาลีบาบาก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหา  โดยระบุว่า การยอมความครั้งนี้  เป็นไปเพื่อหลีกเลี่ยงภาระค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากในการต่อสู้คดีความอันยาวนาน

คดีความนี้ จุดประกายคำถามสำคัญเกี่ยวกับ  "เส้นบางๆ"  ระหว่างกลยุทธ์ทางธุรกิจกับการผูกขาดตลาด  รวมถึงสะท้อนให้เห็นถึงพลังของนักลงทุนในการรวมตัวกันเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง 

บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาคุณไปดูเบื้องหลังคดีความของอาลีบาบา  พร้อมวิเคราะห์บทเรียนด้านกฎหมายการแข่งขันทางการค้า  ที่ทั้งผู้ประกอบการและนักลงทุน  ควรศึกษาและตระหนักไว้เป็นอย่างยิ่ง

อาลีบาบา ยอมจ่ายเงินกว่า 14.7 หมื่นล้านบาท ยุติคดีผูกขาดตลาด   

บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (9988.HK)  ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซชั้นนำของจีน ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงยุติคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่ยื่นฟ้องโดยนักลงทุนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งกล่าวหาว่าบริษัทมีพฤติกรรมผูกขาดตลาด โดยอาลีบาบาตกลงชำระเงินจำนวน 433.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 14,739 ล้านบาท เพื่อยุติข้อพิพาทดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม อาลีบาบายืนยันว่าบริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดใดๆ  โดยระบุในแถลงการณ์ว่า การยอมความในครั้งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ในการหลีกเลี่ยงภาระค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากในการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ ข้อเสนอการยอมความดังกล่าวได้ถูกยื่นต่อศาลรัฐบาลกลางในเขตแมนฮัตตัน และอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติจากท่านผู้พิพากษาจอร์จ แดเนียลส์ แห่งศาลแขวงสหรัฐฯ

คดีความดังกล่าว ซึ่งยื่นฟ้องในปี พ.ศ. 2563 โดยกลุ่มนักลงทุน  มีข้อกล่าวหาว่า อาลีบาบาได้ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จแก่สาธารณชน โดยอ้างว่าบริษัทไม่ได้ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดหรือกฎหมายแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม แม้ว่าบริษัทจะกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องเลือกใช้แพลตฟอร์มการจัดจำหน่ายของอาลีบาบาแต่เพียงผู้เดียวก็ตาม

การยอมความในครั้งนี้ครอบคลุมถึงนักลงทุนที่ถือครองหุ้นฝากทรัพย์สินของอาลีบาบาในสหรัฐอเมริกา  ระหว่างวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ถึงวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 โดยเป็นการยุติข้อเรียกร้องที่ว่านักลงทุนเหล่านี้ประสบความเสียหายจากการที่ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลง  อันเนื่องมาจากการเปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จของอาลีบาบา

ทนายความฝ่ายโจทก์มองว่าข้อตกลงนี้เป็น "ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม"

ทีมทนายความฝ่ายโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาล โดยระบุว่า ข้อตกลงยุติคดีนี้ถือเป็น "ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง" เนื่องจากมูลค่าเงินชดเชยที่นักลงทุนจะได้รับนั้นสูงกว่าค่ามัธยฐานของคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มในคดีหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายเกินกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ

ยิ่งไปกว่านั้น ทีมทนายความยังชี้แจงเพิ่มเติมในคำร้องว่า หากฝ่ายโจทก์เลือกที่จะดำเนินคดีต่อไป มูลค่าความเสียหายสูงสุดที่อาจได้รับจากอาลีบาบาอาจสูงถึง 11,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ คดีความดังกล่าวมีชื่อว่า  "In re Alibaba Group Holding Ltd Securities Litigation"  ซึ่งได้ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงสหรัฐฯ เขตทางใต้ของนิวยอร์ก หมายเลขคดี 20-09568

อาลีบาบา กับข้อพิพาทผูกขาดตลาด บทเรียนด้านกฎหมายการแข่งขันทางการค้า

คดีความนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของนักลงทุนในการปกป้องสิทธิของตนเอง รวมถึงบทบาทของหน่วยงานกำกับดูแลในการควบคุมพฤติกรรมทางธุรกิจที่อาจเข้าข่ายผูกขาดตลาด  แม้ว่าอาลีบาบาจะยอมจ่ายเงินเพื่อยุติคดี  แต่บริษัทก็ยังคงยืนยันว่าไม่ได้ดำเนินธุรกิจโดยมิชอบ

ประเด็นที่น่าสนใจคือ คดีนี้เป็นคดีฟ้องร้องแบบกลุ่ม ซึ่งหมายความว่า นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของบริษัท สามารถรวมตัวกันเพื่อต่อสู้คดีกับบริษัทขนาดใหญ่ได้ อย่างไรก็ตาม  การยอมความในครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า อาลีบาบาจะพ้นผิดจากข้อกล่าวหา  แต่เป็นเพียงการยุติคดีความเพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี  ซึ่งในอนาคต  อาลีบาบาอาจต้องเผชิญกับการตรวจสอบและการฟ้องร้องในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการผูกขาดตลาดอีกก็เป็นได้

สำหรับนักลงทุน  คดีนี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงความสำคัญของการวิเคราะห์ข้อมูลและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน  รวมถึงการติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของบริษัทที่ลงทุน  เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น สุดท้ายนี้  คดีความของอาลีบาบา  เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายธุรกิจ  กฎหมายการแข่งขันทางการค้า  และกฎหมายหลักทรัพย์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการผูกขาดตลาด  การเปิดเผยข้อมูล  และการคุ้มครองผู้ลงทุน

ที่มา : reuters

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT