สินทรัพย์ดิจิทัล

‘กัลฟ์ ไบแนนซ์’ ชี้ ‘คลังสำรองบิทคอยน์’ จุดเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัล

8 ส.ค. 67
‘กัลฟ์ ไบแนนซ์’ ชี้ ‘คลังสำรองบิทคอยน์’  จุดเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัล

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ความผันผวนของตลาดการลงทุนที่เกิดขึ้น ได้สร้างผลกระทบในวงกว้าง ทั้งในตลาดหุ้นและสินทรัพย์ดิจิทัล และสะท้อนถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเกิดขึ้นจากการประกาศรายงานการจ้างงานของสหรัฐอเมริกาที่ลดลง แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

นอกจากนี้ ความผันผวนของ Wall Street ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนจำนวนมากได้โยกย้ายเงินทุนออกจากสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงอย่างสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเมื่อมาผนวกกับการที่นักลงทุนได้รับผลตอบแทนลดลงจากการที่ปีนี้เป็นฤดูร้อนของคริปโต (Crypto Summer) ที่ชะลอตัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ยิ่งทำให้นักลงทุนต่างพิจารณามองหาสินทรัพย์ประเภทอื่นมากยิ่งขึ้น

ท่ามกลางความผันผวนนี้ ยังมีแนวโน้มเชิงบวกเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ราคาสินทรัพย์ในตลาดจะดิ่งลง เหล่าผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้พูดถึงการสร้างคลังสำรองบิทคอยน์แห่งชาติ ชี้ให้เห็นถึงการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการเล็งเห็นศักยภาพของบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้น

การยอมรับบิทคอยน์ในระดับสถาบันและกลุ่มการเมืองไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เพราะได้เพิ่มขึ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อสี่เดือนที่ผ่านมา ประเทศเอลซัลวาดอร์ เป็นประเทศแรกที่ยอมรับบิทคอยน์เป็นสกุลเงินที่สามารถนำมาชำระหนี้ และใช้แทนเงินสดได้ถูกต้องตามกฎหมาย

โดยเอลซัลวาดอร์ได้ดำเนินการโยกย้ายบิทคอยน์ส่วนใหญ่ไปเก็บรักษาแบบออฟไลน์หรือ ‘Cold Storage’ ที่สามารถตรวจสอบได้โดยสาธารณะ จากข้อมูล ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2567 คลังของเอลซัลวาดอร์มีจำนวนบิทคอยน์ทั้งสิ้น 5,825 บิทคอยน์ หรือกว่า 405 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่า บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่มั่นคง และเป็นปัจจัยสำคัญเชิงกลยุทธ์ทางการเงินของประเทศ

แม้สภาพตลาดในปัจจุบันยังมีความท้าทาย โดยเฉพาะจากความผันผวนของตลาดล่าสุด ซึ่งจะส่งผลให้แผนการจัดตั้งคลังสำรองยิ่งต้องทวีความซับซ้อนทั้งทางด้านกระบวนการทางกฎหมายและทางเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น

ไบแนนซ์ ทีเอช (Binance TH) ได้เผยกรอบการทำงาน ‘CPT Framework’ (Capital, People, Technology) ที่วิเคราะห์ปัจจัยเชิงโครงสร้างที่อาจส่งผลต่อไดนามิกของตลาด ที่ชี้ให้เห็นว่า การจัดตั้งคลังสำรองบิทคอยน์เชิงกลยุทธ์ จะส่งผลกระทบต่อทั้งสามปัจจัยของกรอบการทำงาน CPT (Capital, People, Technology) ที่จะส่งเสริมต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตในระยะยาว

การที่คลังสำรองบิทคอยน์แห่งชาติถูกพูดถึง ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับสกุลเงินดิจิทัล เพราะยิ่งหน่วยงานรัฐบาลและสถาบันต่างๆ ตระหนักถึงศักยภาพของบิทคอยน์ ยิ่งถือเป็นการเพิ่มโอกาสที่ไบแนนซ์ ทีเอช จะได้เห็นการยอมรับและการผสานสินทรัพย์ดิจิทัล เข้ากับระบบการเงินโลกให้เป็นไปอย่างก้าวกระโดด เพื่อปูทางสู่การเดินหน้าไปยังอนาคตทางการเงินที่มีความครอบคลุมและก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิม

ทั้งนี้ แม้สภาพตลาดในปัจจุบันจะมีความผันผวน แต่แนวโน้มระยะยาวของบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ยังมีทิศทางที่ดีและน่าจับตามอง การร่วมมือกันระหว่างการสนับสนุนทางการเมือง การยอมรับระดับสถาบัน และปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค สะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณแห่งอนาคตและความหวังของสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะเติบโต

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT