จากที่ Fed ประกาศลดดอกเบี้ย 0.5% ไปเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2024 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ค่อนข้างมีความผันผวนในช่วงแรกโดยคาดว่ามีความกลัว Recession เนื่องจากมุมมองที่ว่าถ้าเศรษฐกิจยังดีอยู่ทำไมต้องรีบลด 0.5% ซึ่งโดยปกติแล้วตลาดไม่ชอบความไม่แน่นอน คาดเดายาก แต่จากที่ Jerome Powell ให้สัมภาษณ์ว่าเขามั่นใจว่ารับมือ Recession ได้ และมั่นใจว่าการลดดอกนี้ไม่ได้ช้าเกินไป ตลาดก็เริ่มฟื้นตัวจน Dow Jones และ S&P500 ทำ All time high ได้
ในฝั่งของตลาดคริปโตฯ นั้น Bitcoin ก็ปรับตัวขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งเช่นเดียวกันโดยจากช่วงประกาศลดดอกเบี้ยเมื่อ 5 วันก่อนจนถึงปัจจุบันมีการปรับตัวขึ้นมาประมาณ 6.5% ส่วน Altcoin ก็เริ่มมีการฟื้นตัวและเห็นสัญญาณการกลับตัวแล้ว
โดยจากภาพด้านบนเป็นภาพของ Bitcoin Dominance (BTC.D) และ Crypto Market Cap Excluding Top 10 (OTHERS) ซึ่ง Bitcoin Dominance เริ่มส่งสัญญาณว่ามีโอกาสปรับตัวลงจาก Rising Wedge Pattern ส่วนกราฟ OTHERS มีการเบรก Falling Wedge Pattern ซึ่งในระยะสั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าตลาดคริปโตโดยเฉพาะ Altcoin จะเริ่มฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4 ของปี 2024 นี้หากไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจหรือการ Action ของ Fed ที่ส่อแววว่า Fed ไม่สามารถรับมือ Recession ได้ทันท่วงที
ส่วนเรื่อง Yen Carry Trade ที่หลายคนอาจจะกังวลว่าจะมีเหตุการณ์แบบ Black Monday เมื่อต้นเดือนสิงหาคมอีกหรือไม่ ล่าสุดทาง Bank of Japan (BOJ) ก็มีการคงอัตราดอกเบี้ยแต่มีความต้องการที่จะขึ้นในปีนี้ ซึ่งทางเรามองว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นได้อีก และไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเนื่องจากนักลงทุนที่ทำกลยุทธ์นี้ต้องมีความเข้าใจกลไกของตลาดอย่างลึกซึ้งและก็ต้องรู้อยู่แล้วว่า Fed กำลังจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนและ BOJ มีความต้องการจะขึ้นดอกเบี้ยอีก ดังนั้นนักลงทุนที่กำกลยุทธ์ดังกล่าวต้องมีการปรับ Position เพื่อจัดการความเสี่ยง ซึ่งอาจจะมีแรงขายกดดันบ้างจากการค่อยๆ Unwind เท่านั้น
และสุดท้ายเรื่องของการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่ในตอนแรกมีความกังวลว่าหาก Kamala Harris ชนะการเลือกตั้งแล้วจะส่งผลลบต่อตลาดคริปโตฯ ทางเรา “ไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น” เนื่องจากล่าสุดในการหาเสียงของ Kamala Harris เธอก็มีการพูดถึงว่าจะสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวกับ AI และ Digital Asset แต่ก็จะมีความเข้มงวดในการปกป้องนักลงทุน ซึ่งนี่เป็นการพูดถึงคริปโตฯ ครั้งแรกในการหาเสียง โดยสรุปแล้วหาก Donald Trump ชนะการเลือกตั้งก็มีแนวโน้มว่าจะ Bullish มากกว่า แต่ถ้าหาก Kamala Harris ชนะก็น่าจะไปในทาง Neutral ที่ก็จะส่งผลดีต่อตลาดแต่จะไม่มากเท่า Trump แต่ก็ไม่แย่ถึงขนาด Bearish
สรุปแล้วทางเรามองว่าในช่วงไตรมาส 4 นี้ Bitcoin และตลาดคริปโตน่าจะเริ่มฟื้นตัวและคนมาสนใจมากขึ้นหลังจากพักตัวและมีการปรับฐานมาหลายเดือน เนื่องจากการลดดอกเบี้ยเป็นสัญญาณให้คนเริ่มมองหาสินทรัพย์เสี่ยง แต่หุ้นสหรัฐฯ เริ่มแพงโดยเฉพาะหุ้นสายเทคโนโลยี ทำให้คนเริ่มมองหาการลงทุนทางเลือกอื่นๆ เช่น การย้าย Sector การลงทุน หรือการย้ายไปตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ ที่มีโอกาสการเติบโตภายหลังการลดดอกเบี้ยของ Fed รวมถึง Bitcoin และตลาดคริปโตในช่วงนี้ที่มี Risk/Reward ที่ค่อนข้างดีก็จะเริ่มกลับมาได้รับความสนใจมากขึ้นและฟื้นตัวกลับมาได้ ส่วนในระยะยาวถ้าหากไม่เกิด Recession ตามที่ Fed มั่นใจก็คาดว่าจะได้เห็นตลาดขาขึ้นของคริปโตกลับมาอีกครั้งในปี 2025