รายงานจาก Nikkei Asia เผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะให้การสนับสนุนอย่างน้อย 10 ล้านล้านเยน (65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) หรือราว 2.26 ล้านล้านบาท เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และ AI จนถึงปีงบประมาณ 2573 ตามแผนที่นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะวางไว้ รวมถึงกำหนดกรอบความช่วยเหลือใหม่ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนมากกว่า 50 ล้านล้านเยน หรือ 11.29 ล้านล้านบาท ในช่วง 10 ปีข้างหน้า
แผนดังกล่าวจะรวมอยู่ในแพ็คเกจเศรษฐกิจที่ครอบคลุม ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน หนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์ที่เป็นไปได้คือ ‘Rapidus’ ซึ่งมุ่งมั่นที่จะผลิตชิปที่ล้ำสมัยเป็นจำนวนมาก และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
โดยความช่วยเหลือจะมาในรูปแบบของเงินอุดหนุน การลงทุนผ่านสถาบันที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล และการค้ำประกันหนี้สำหรับเงินกู้จากกลุ่มการเงินภาคเอกชน ส่วนการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อชดเชยการขาดดุล จะไม่เกิดขึ้นเพื่อระดมทุนสำหรับโครงการนี้
รัฐบาลกำลังจัดทำกรอบสำหรับการเสริมสร้างฐานอุตสาหกรรมสำหรับ AI และเซมิคอนดักเตอร์ วิสัยทัศน์ดังกล่าว ขยายไปถึงปีงบประมาณ 2573 ซึ่งรัฐบาลคาดว่า จะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยรวม 160 ล้านล้านเยน หรือราว 36.12 ล้านล้านบาท จากกรอบงานดังกล่าว ส่วนกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะจัดทำกฎหมายเพื่อให้สถาบันของรัฐบาล สามารถให้การค้ำประกันหนี้ และการลงทุนแก่ Rapidus ได้ โดยมีเป้าหมายที่จะเสนอข้อเสนอต่อรัฐสภาในปี 2568
ทางรัฐบาลเชื่อว่า ญี่ปุ่นมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างเทคโนโลยีล้ำสมัยในด้านเซมิคอนดักเตอร์ จากมุมมองด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งแนวทางการให้เงินอุดหนุนแบบค่อยเป็นค่อยไป ในรูปแบบรายจ่ายแยกกันในแต่ละปี มีความไม่แน่นอนต่ำ รัฐบาลจึงจะเปลี่ยนมาใช้การล็อกความช่วยเหลือ เป็นหลักหลายปีแทน
Rapidus วางแผนที่จะเริ่มผลิตชิปรุ่นต่อไปจำนวนมากในปี 2570 ภายใต้กรอบงานใหม่นี้ รัฐบาลจะสนับสนุนความพยายามระดมทุนของบริษัทในด้านต่างๆ จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้ตัดสินใจที่จะให้เงินอุดหนุน 920,000 ล้านเยน หรือราว 207,700 ล้านบาท สำหรับโครงการที่ต้องการเงินทุน 5 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.13 ล้านล้านบาท เพื่อเริ่มการผลิตจำนวนมาก
ที่มา Nikkei Asia