ในปี 2024 มีหนุ่มสาวชาวจีนกว่า 3.4 ล้านคน สมัครสอบแข่งขันเข้ารับราชการ ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ และเป็นภาพสะท้อนของเศรษฐกิจจีนที่ซบเซา ซึ่งกำลังกดดันให้คนรุ่นใหม่เข้ามาแสวงหาความมั่นคงในการทำงาน และสวัสดิการต่าง ๆ จากภาครัฐ แม้ว่าบางครั้งหน่วยงานท้องถิ่นของรัฐจะประสบปัญหาในการจ่ายค่าจ้างเนื่องจากวิกฤตทางการเงินก็ตาม
ยอดผู้สมัครสอบแข่งขันเข้ารับราชการของจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยตัวเลข 3.4 ล้านคนของปี 2024 นับว่าเพิ่มขึ้นจากปี 2023 กว่า 400,000 คน และเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า นับตั้งแต่ปี 2014 สถิติเหล่านี้กำลังบ่งบอกถึงความต้องการความมั่นคงของคนจีนรุ่นใหม่ หรือ Gen Z ที่พวกเขาต้องประสบกับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าในการสมัครงานกับภาคเอกชน ซึ่งสะท้อนได้จากอัตราการว่างงานของนักศึกษาจบใหม่ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่ต้องดื้นรนในการฟื้นตัวจากวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อ และกำลังการบริโภคที่อ่อนแอ
แคลร์ (สงวนนามสกุล) นักศึกษาปริญญาโทวัย 24 ปี ที่อาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่ง คือหนึ่งในหนุ่มสาวชาวจีนที่สมัครสอบแข่งขันเข้ารับราชการในปี 2024 โดยเธอใช้เวลาเรียนหนังสือวันละ 9 ชั่วโมง และจ่ายเงินอีก 980 หยวน หรือประมาณ 4,500 บาท เพื่อลงเรียนคอร์สติวเข้มทางออนไลน์ เธอให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์สว่าชื่อเสียงทางสังคมและความมั่นคงในอาชีพ คือปัจจัยหลักที่ทำให้เธอสมัครสอบแข่งขันเข้ารับราชการ ขณะที่ปัจจัยรอง คือเหตุการณ์ที่เพื่อนของเธอถูกเลิกจ้างจากบริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง
นักศึกษารายนี้ระบุว่าเธอรู้จักกับข้าราชการคนหนึ่งเป็นการส่วนตัว และรู้ว่าบางครั้งก็มีข้าราชการท้องถิ่นหลายคนที่ไม่ได้รับค่าจ้างหลายเดือนติดต่อกัน เนื่องจากวิกฤตทางการเงินที่ภาครัฐกำลังเผชิญ แต่เธอก็ยังต้องการเข้ารับราชการอยู่ดี โดยเธอระบุว่าไม่ได้ต้องการเงินเดือนจำนวนมาก แต่ต้องการความมั่นคงในการทำงานระยะยาวมากกว่า
ทั้งนี้ หากแคลร์ผ่านการสอบข้อเขียน เธอจะต้องเข้าสอบสัมภาษณ์ รวมถึงการตรวจสุขภาพ และการตรวจสอบประวัติทางการเมือง โดยคาดว่าจะทราบผลในที่สุดประมาณเดือนเมษายน ปี 2025
การสมัครสอบแข่งขันเข้ารับราชการพลเรือนของจีน มีการกำหนดอายุไม่เกิน 35 ปี โดยสวัสดิการที่ข้าราชการพลเรือนจะได้รับ เช่น เงินอุดหนุนค่าบ้านพักและประกันสุขภาพ ล้วนเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้หนุ่มสาวชาวจีนผู้ผิดหวังกับโอกาสการทำงานในภาคเอกชนเข้ามาสมัครสอบแข่งขัน