การประชุม World Economic Forum 2025 (WEF 2025) ณ เมืองดาวอส ประเทศ
สวิตเซอร์แลนด์ เวทีระดับโลกที่รวบรวมผู้นำทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 3,000 คนจากทั่วโลก ภายใต้ธีม "Collaboration for the Intelligent Age" ผู้นำธุรกิจไทยเช่น คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และ คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป ได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองในฐานะตัวแทนของประเทศไทย พร้อมชูวิสัยทัศน์ในการนำประเทศก้าวสู่อนาคตแห่งเศรษฐกิจยั่งยืน
โชว์วิสัยทัศน์ใน 'WEF 2025' AI,พลังงานสะอาด สินทรัพย์ดิจิทัลคือการเงินแห่งอนาคต
มุมมองจากผู้นำธุรกิจไทย สู่เศรษฐกิจแห่งอนาคตในยุค AI และดิจิทัล
การประชุม World Economic Forum 2025 (WEF 2025) ณ เมืองดาวอส ประเทศ
สวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 20-24 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา เป็นเวทีระดับโลกที่รวบรวมผู้นำทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 3,000 คนจากทั่วโลก ภายใต้ธีม "Collaboration for the Intelligent Age" หรือ “การร่วมมือเพื่อก้าวสู่ยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์” โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการผลักดันเศรษฐกิจโลกด้วยเทคโนโลยี AI พลังงานสะอาด และสินทรัพย์ดิจิทัล
เวทีนี้ผู้นำธุรกิจไทยเช่น คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และ คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป ได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองในฐานะตัวแทนของประเทศไทย พร้อมชูวิสัยทัศน์ในการนำประเทศก้าวสู่อนาคตแห่งเศรษฐกิจยั่งยืน
คุณศุภชัย กล่าวถึงบทบาทสำคัญของ AI ในการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจโลก โดยมุ่งเน้นการสร้าง Inclusive Economy หรือเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การศึกษา และสาธารณสุข
“AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเท่าเทียมในสังคม และ ธรรมาภิบาลของ AI” จะเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
ในด้านพลังงานสะอาด คุณศุภชัยให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันและโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Modular Reactor หรือ SMR) ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงระบบพลังงานโลกในอนาคต
“การใช้พลังงานสะอาดไม่เพียงแค่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจและประเทศในระยะยาว”
นอกจากนี้ ยังมองว่าประเทศไทยมีโอกาสเป็น “สวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย” ด้วยศักยภาพในด้านความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับจีนและสหรัฐฯ ทำให้สามารถสร้างสมดุลทางการค้าและดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก และส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รวมถึงการกระตุ้นการท่องเที่ยวในฐานะจุดแข็งของประเทศอีกด้วย
คุณ ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ซึ่งได้รับเชิญให้เข้าร่วม WEF เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน นำเสนอวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการเงินรูปแบบใหม่ที่สินทรัพย์ในอนาคตจะถูกแปลงสภาพการใช้งานไปอยู่ในรูปของสินทรัพย์ดิจิทัลและโทเคนดิจิทัล (Digital Token) ซึ่งประเทศไทยถือว่ามีศักยภาพและความพร้อมในการเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากมีการส่งเสริมจากรัฐบาลและกฎระเบียบในการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ที่ชัดเจน ทำให้สามารถพัฒนานวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการทำ ‘โทเคนอสังหาริมทรัพย์’
“โทเคนดิจิทัลจะช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น เช่น โทเคนอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดโอกาสให้ลงทุนได้ แม้เริ่มต้นเพียง 10 บาท” คุณจิรายุสกล่าว
นอกจากนี้ เขายังชูแนวคิด “Green Token” หรือโทเคนที่เชื่อมโยงกับพลังงานสะอาดและคาร์บอนเครดิต ซึ่งจะเป็นโอกาสใหม่สำหรับธุรกิจที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม คุณจิรายุสยังย้ำถึงความสำคัญของการสร้างมาตรฐานและกฎระเบียบร่วมกันในระดับโลก เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นและป้องกันการแสวงหาประโยชน์จากช่องว่างทางกฎหมาย
นอกจากบทบาทผู้นำธุรกิจแล้ว ประเทศไทยพร้อมจัดงาน “Thailand Reception” โดยนำเสนอ Soft Power ผ่านอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมการสนับสนุนจากองค์กรชั้นนำ เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ , บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด , บิทคับ กรุ๊ป ปตท. (มหาชน) เป็นต้น
คุณศุภชัย และ คุณจิรายุส ต่างเห็นพ้องว่า การประชุม WEF 2025 เป็นโอกาสสำคัญที่จะแสดงให้โลกเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นผู้นำเศรษฐกิจแห่งอนาคต
“ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลก หากเราสามารถสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตและความยั่งยืนในทุกมิติ”
การประชุม WEF 2025 ไม่ได้เป็นเพียงเวทีแลกเปลี่ยนมุมมอง แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระดับโลกที่ไทยสามารถใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาศักยภาพ ทั้งด้าน AI พลังงานสะอาด และสินทรัพย์ดิจิทัล
ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและการเติบโตอย่างสมดุล ประเทศไทยพร้อมเดินหน้าสู่บทบาทที่สำคัญในเศรษฐกิจโลกยุคใหม่
ที่มา world economic forum 2025