ในภารกิจตึกถล่ม สตง. นอกจาก K9 UNITED SAR และหน่วยอาสาต่าง ๆ แล้ว ยังมี ตำรวจ K9 จากกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เข้าพื้นที่ทันทีเพื่อเสริมการค้นหาผู้สูญหาย
สะท้อนให้เห็นว่าความร่วมมือระหว่างมนุษย์และสุนัขไม่ได้จำกัดแค่ในหน่วยใดหน่วยหนึ่ง แต่คือ "การทำงานร่วมกันเพื่อชีวิตมนุษย์"
ไม่ว่าจะผ่านมากี่ภารกิจ สุนัขกู้ภัยก็ยังยืนหยัดปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีข้อเรียกร้อง ไม่มีเงินเดือน ไม่มีเงื่อนไข… สิ่งที่พวกเขาต้องการคือ “คำชมเบา ๆ จากครูฝึก” และ “ของเล่นชิ้นโปรด” เท่านั้น
แต่สิ่งที่พวกเขาให้กลับคืนแก่โลก คือ “ชีวิต” นับไม่ถ้วน ที่ได้รับการช่วยเหลือเพราะเสียงเห่าหรือการขุดเพียงครั้งเดียว
ภารกิจตึกถล่มในครั้งนี้คือบทพิสูจน์อีกครั้งว่า สุนัข K9 ไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงแสนรู้ แต่คือ “เพื่อนมนุษย์” ในทุกความหมาย
หากคุณเคยเห็นสุนัขที่ยืนบนซากตึก แล้วเห่าดังลั่นท่ามกลางความเงียบ นั่นอาจไม่ใช่เสียงเห่า... แต่มันคือ “เสียงของความหวัง” ที่กำลังช่วยชีวิตใครบางคนอยู่
ภารกิจหน่วยสุนัข K9
ไม่ได้มีบทบาทเพียงในการค้นหาและกู้ภัยผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติเท่านั้น แต่ยังมีภารกิจสำคัญอื่น ๆ ที่ช่วยชีวิต ช่วยสังคม และเสริมความมั่นคงของประเทศอีกด้วย ดังนี้:
สุนัข K9 ถูกใช้ในการตรวจค้นยาเสพติดในสนามบิน ท่าเรือ รถโดยสาร และสถานที่เป้าหมาย พวกมันสามารถตรวจพบกลิ่นยาเสพติดแม้จะถูกซุกซ่อนอยู่ในสิ่งของต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ
สุนัขสามารถตรวจจับกลิ่นของสารประกอบในวัตถุระเบิดได้แม่นยำกว่ามนุษย์หลายเท่า และมักถูกใช้ในพื้นที่เสี่ยง เช่น สนามบิน งานกิจกรรมสำคัญ หรือพื้นที่ที่เกิดความไม่สงบ
K9 ที่ได้รับการฝึกเฉพาะทางสามารถตรวจจับกลิ่นของเนื้อเยื่อมนุษย์หรือซากศพ แม้จะอยู่ในดิน ในน้ำ หรือซุกซ่อนในพื้นที่ซับซ้อน พวกเขาช่วยทีมกู้ภัยในการระบุตำแหน่งผู้เสียชีวิต และช่วยเก็บพยานหลักฐานในคดีอาชญากรรม
ในกรณีเด็กหาย, ผู้สูงอายุหลงทาง หรือผู้ป่วยจิตเวชหายออกจากบ้าน สุนัข K9 สามารถช่วยดมกลิ่นจากสิ่งของส่วนตัวเพื่อติดตามเส้นทางและค้นหาตัวบุคคลได้อย่างแม่นยำ
หน่วย K9 ในสายตำรวจ ยังทำหน้าที่ร่วมลาดตระเวน, ไล่จับคนร้าย, หรือป้องกันเหตุร้ายในพื้นที่สุ่มเสี่ยง สุนัข K9 สายนี้จะได้รับการฝึกทั้งในด้านการควบคุม การเข้าสกัด และความสามารถในการควบคุมโดยครูฝึกอย่างเคร่งครัด
สุนัขบางตัวโดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ถนัดว่ายน้ำ เช่น นิวฟาวด์แลนด์ หรือลาบราดอร์ ถูกฝึกให้ช่วยค้นหาและลากผู้ประสบภัยจากน้ำ หรือลงพื้นที่น้ำท่วมเพื่อค้นหาผู้สูญหาย
ทุก ๆ ภารกิจของหน่วย K9 ล้วนต้องการความแม่นยำ ความเสียสละ และการฝึกฝนร่วมกับครูฝึกอย่างต่อเนื่อง สุนัขเหล่านี้ไม่ใช่แค่ผู้ช่วย แต่คือ “เพื่อนผู้ปฏิบัติงาน” ที่เสี่ยงชีวิตเคียงข้างมนุษย์ พร้อมปลอกคอ K9 เบื้องหลังความน่ารักของเหล่าสุนัขพวกนั้นคือ “หัวใจกล้าหาญ” ที่พร้อมปกป้องชีวิตมนุษย์โดยไม่ลังเล
วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 13.26 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูด บริเวณรอยเลื่อนสะกาย ประเทศเมียนมา โดยมีความลึกประมาณ 10 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ในประเทศไทย ส่งผลให้อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มูลค่า 2.5 พันล้านบาท แห่งใหม่ที่กำลังก่อสร้างบนถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร พังถล่มลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหายจำนวนมาก
ท่ามกลางเสียงไซเรน ความโกลาหล และความหวังที่ริบหรี่ หน่วยกู้ภัย K9 ถูกเรียกระดมทันที สุนัขดมกลิ่นกู้ภัยพร้อมครูฝึกมืออาชีพ เร่งเข้าพื้นที่เพื่อตรวจหาผู้รอดชีวิตใต้ซากอาคาร
หนึ่งในทีมปฏิบัติการหลักคือหน่วยจาก “K9 UNITED SAR” ซึ่งนำสุนัขผ่านการฝึกตามมาตรฐานสากลเข้าสนับสนุนภารกิจ ไม่ว่าจะเป็น นารี, ซาฟารี, ซิมบ้า, แซนดี้, เบอร์นี่, ซาฮาร่า, ลิลลี่ และสีนวล พวกเขาทำงานสลับผลัดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ย่อท้อต่อฝุ่น หนามคอนกรีต หรือเสียงกลบกลิ่น
การจะเป็นสุนัขกู้ภัยไม่ได้เกิดจากโชคชะตา แต่ต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกและฝึกฝนอย่างเข้มงวด
การฝึกแบ่งเป็นหลายระดับ ทั้งการค้นหาคนเป็น (Live Scent), ค้นหาศพ (Cadaver), การฝึกบนพื้นที่จำลองซากอาคาร และการเผชิญสถานการณ์แวดล้อมจริง เช่น เสียงระเบิด, กลิ่นรบกวน หรือฝุ่นหนา
ครูฝึกต้องมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับสุนัข เพราะในภารกิจจริง “การอ่านพฤติกรรมของสุนัข” คือกุญแจสำคัญของความแม่นยำในการค้นหา
หน่วยกู้ภัย K9 ที่เป็นมาตรฐานสากลมักต้องผ่านการทดสอบจากองค์กร เช่น:
การทดสอบมีทั้งแบบจำลองสถานการณ์จริง (Field Test) และการประเมินจิตวิทยาและพฤติกรรม