เมื่อการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาช่วงเวลา 11-12 ก.ย.2566 เสร็จสิ้นลง เท่ากับว่ารัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะมีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศตลอดระยะเวลา 4 ปีจากนี้ โดยใช้นโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาในบริหารประเทศไทยต่อไป
.
การแถลงนโยบายครั้งนี้ ใช้เวลารวม 30 ชั่วโมง โดยแบ่งเวลาให้ทาง ครม. 5 ชั่วโมง สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 5 ชั่วโมง พรรคร่วมรัฐบาล 5 ชั่วโมง และพรรคร่วมฝ่ายค้าน 14 ชั่วโมง ประชุมระหว่างเวลา 09.00 – 24.00 น. โดยคำแถลงนโยบายของรัฐบาลมีทั้งสิ้น 43 หน้า มีทั้งนโยบายเร่งด่วนที่จะทำทันที และ นโยบายระระปานกลางถึงยาว ซึ่งแน่นอนว่าประชาชนก็อยากให้นโยบายที่พรรคการเมืองได้หาเสียงไว้ทำได้จริงไม่ใช่การขายฝัน และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างแท้จริง
.
กองบรรณาธิการ SPOTLIGHTสัมภาษณ์พิเศษ คุณเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการและโฆษกคณะกรรมการเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย และล่าสุดกำลังจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บทบาทของคุณเผ่าภูมิในด้านเศรษฐกิจ ของพรรคเพื่อไทยจึงมีความโดดเด่น เพราะสามารถอธิบายวิธีการดำเนินนโยบาย เป้าหมายของนโยบายของรัฐบาลใหม้ได้เป็นอย่างดี
คุณเผ่าภูมิ ได้ไล่เรียงไทม์ไลน์นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่จากนี้ ซึ่งแน่นอนว่า นโยบายด้านเศรษฐกิจส่วนใหญ่มาจากพรรคเพื่อไทยที่คุมกระทรวงเศรษฐกิจ โดยหลังแถลงนโยบายเสร็จสิ้นแล้วนโยบายไหนทำก่อนทำหลังวันนี้เราสรุปมาให้
“เศรษฐกิจไทย เหมือนผู้ป่วยหนักเข้าICU เห็นชัดเจนว่าตั้งแต่โควิด พบว่า โครงสร้างเศรษฐกิจไทยมีปัญหา กำลังซื้อหดหายจากช่วงล็อคดาวน์ แม้ปัจจุบันโควิดจะคลี่คลายแล้วแต่เศรษฐกิจไทยเทียบกับก่อนโควิดก็ยังไม่กลับไปสู่จุดเดิม “ คุณเผ่าภูมิกล่าว
.
นี่จึงเป็นที่มาให้การวางนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่นำโดยพรรคเพื่อไทยถูกแบ่งเป็น 4 ระยะ เพื่อให้เห็นภาพจึงเปรียบสภาพเศรษฐกิจเหมือนคนป่วยไอซียูมีแผลฉกรรจ์
Timeline นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่แบ่งเป็น 4 ช่วง
1.ห้ามเลือด แก้ปัญหาให้ประชาชน (ทำทันที)
- นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน ทั้งภาคเกษตรกร ภาคธุรกิจ และประชาชน
- นโยบายลดภาระค่าใช้จ่าย ลดราคาพลังงาน ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง
2.เมื่อเลือดหยุดไหล กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ (2566-2567)
- นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล
- นโยบายฟรีวีซ่าให้นทท.ต่างชาติ สร้างรายได้จากภาคท่องเที่ยว
3.กายภาพบำบัด ให้ประเทศมีความพร้อมมีรายได้มากขึ้น (ประมาณ 2570)
- นโยบายสร้างประเทศด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลผ่านเขตธุรกิจใหม่ (New Business Zone) แก้กฏหมายให้ 4 หัวเมือง กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ ดึงดูดการลงทุนต่างชาติมากขึ้น
- นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และ เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท
- นโยบายยกระดับภาคการเกษตร
- นโยบายยกระดับภาคการท่องเที่ยว
4.พาประเทศไทยออกวิ่ง - วางโครงสร้างพื้นฐานให้กับประทศ (ระยะยาว)
- นโยบายด้านเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีรากฐานมาจากดิจิทัล วอลเล็ต
- นโยบายด้านคมนาคม รถไฟฟความเร็วสูง รถไฟขนส่งสินค้า ยกระดับรถไฟโดยสารทั่วประเทศ
คาดหวังผลต่อนโยบายดัน GDP ไทยโตเฉลี่ย 5% ต่อปี
คุณเผ่าภูมิระบุว่า นโยบายเศรษฐกิจเหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบต่อวินัยการเงินการคลังเพราะไม่ได้เป็นการกู้เงินมาทำนโยบาย แต่เป็นการบริหารจัดการงบประมาณ และเป็นเรื่องของการใช้เม็ดเงินจากภาษี
อย่างกรณีนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570 นั้นรัฐบาลจะปรับขึ้นโดยพิจารณาจาก 4 ปัจจัย คือ 1.GDP 2.เงินเฟ้อ 3.การคาดหวัง GDP ในอนาคต 4.ผลิตภาพแรงงาน ทั้ง 4 ปัจจัยนี้จะเป็นเครื่องมือยืนยันว่า การขึ้นค่าแรงของรัฐบาลใหม่ ขึ้นเมื่อประเทศพร้อม เอกชนพร้อม ไม่ได้เป็นการโดยภาระให้ภาคเอกขน
คุณเผ่าภูมิ มองเห็นว่า เศรษฐกิจไทยมีกำลังซื้อต่ำมากจำเป็นต้องกระตุ้นครั้งใหญ่ เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ เปรียบเหมือนการขยายก้อนเค้กให้ใหญ่ขึ้น จากนั้นก็ใส่นโยบายเพิ่มรายได้ให้กับประเทศในระยะกลางถึงยาวต่อไป ผลของนโยบายเศรษฐกิจเหล่านี้จะส่งดีผลต่อเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวเฉลี่ย 5% ต่อปี โดยเราอาจะเห็นปี 2567 GDP ไทยโตมากกว่า 5% ก็เป็นได้จากกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท
นี่เป็นเพียงแค่การรวบรวมไทม์ไลน์ของนโยบายเศรษฐกิจเท่านั้นในความเป็นจริงนโยบายของรัฐบาลยังมีอีกหลายมิติที่จะต้องดำเนินการในช่วง 4 ปีที่บริหารประเทศพร้อมกับปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่เข้ามาท้าทายประเทศไทย