Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เที่ยวญี่ปุ่นบูม เยนอ่อน นักท่องเที่ยวทะลัก จนหลายธุรกิจแห่ขึ้นราคา
โดย : อมรินทร์ทีวีออนไลน์

เที่ยวญี่ปุ่นบูม เยนอ่อน นักท่องเที่ยวทะลัก จนหลายธุรกิจแห่ขึ้นราคา

24 ก.ค. 67
07:25 น.
|
987
แชร์

ญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นของการท่องเที่ยว แต่ความสำเร็จนี้ก็มาพร้อมกับความท้าทาย เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเป็นประวัติการณ์ ทำให้เกิดคำถามถึงความสมดุลระหว่างการสร้างรายได้และการรักษาคุณภาพการท่องเที่ยว หนึ่งในประเด็นร้อนที่กำลังถกเถียงกันคือการปรับขึ้นราคาสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายมองว่าเป็นทางออกในการรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่หลายฝ่ายกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นในระยะยาว

เที่ยวญี่ปุ่นบูม เยนอ่อน นักท่องเที่ยวทะลัก จนหลายธุรกิจแห่ขึ้นราคา

เที่ยวญี่ปุ่นบูม เยนอ่อน นักท่องเที่ยวทะลัก จนหลายธุรกิจแห่ขึ้นราคา

เมื่อเร็วๆนี้ ญี่ปุ่นสร้างสถิติใหม่ด้านการท่องเที่ยวในเดือนมิถุนายน โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 3.14 ล้านคน แซงหน้าสถิติเดิมที่ 3.08 ล้านคนในเดือนมีนาคม ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตครั้งนี้คือค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางมาเยือนญี่ปุ่น ส่งผลให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

โดยข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) รายงานว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ญี่ปุ่นต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไปแล้วกว่า 17.78 ล้านคน ถือเป็นสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นถึง 65.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และแซงหน้าตัวเลขในปี 2019 ไปแล้ว 6.9% ตัวเลขที่น่าประทับใจนี้ทำให้คาดการณ์กันว่า ญี่ปุ่นอาจมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีทะลุ 31.9 ล้านคน ซึ่งเป็นสถิติเดิมที่เคยทำไว้ในปี 2019 ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19

จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายน 2567 (ตัวเลขประมาณการเบื้องต้นโดย JNTO)

ประเทศ/ภูมิภาค มิ.ย. 2566 มิ.ย. 2567 อัตราการเติบโต (%) ม.ค. - มิ.ย. 2566 ม.ค. - มิ.ย. 2567
อัตราการเติบโต (%)
รวมทั้งหมด 2,073,441 3,135,600 51.2 10,712,396 17,777,200 65.9
เกาหลีใต้ 545,089 703,300 29 3,128,476 4,442,100 42
จีน 208,573 660,900 216.9 594,768 3,068,000 415.8
ไต้หวัน 388,976 574,500 47.7 1,770,618 2,979,200 68.3
สหรัฐอเมริกา 226,806 296,400 30.7 972,208 1,342,900 38.1
ฮ่องกง 186,324 250,600 34.5 909,761 1,276,100 40.3
ไทย 51,351 54,600 6.3 497,799 618,300 24.2
ออสเตรเลีย 42,424 61,800 45.7 274,785 462,000 68.1
ฟิลิปปินส์ 54,227 65,000 19.9 277,142 401,700 44.9
สิงคโปร์ 54,568 58,900 7.9 252,703 300,000 18.7
มาเลเซีย 22,009 22,000 0 194,252 241,800 24.5
อินโดนีเซีย 39,276 43,000 9.5 201,656 263,800 30.8
เวียดนาม 38,873 47,400 21.9 300,898 331,900 10.3
อินเดีย 14,202 19,900 40.1 79,438 121,900 53.5
แคนาดา 30,016 41,000 36.6 183,266 272,300 48.6
เม็กซิโก 6,753 10,800 59.9 34,906 64,000 83.3
สหราชอาณาจักร 20,417 28,800 41.1 150,161 218,400 45.4
ฝรั่งเศส 17,714 23,100 30.4 122,134 184,300 50.9
เยอรมนี 13,655 16,600 21.6 106,715 157,600 47.7
อิตาลี 10,248 15,000 46.4 59,364 96,100 61.9
สเปน 8,693 12,900 48.4 39,530 65,900 66.7
รัสเซีย 2,381 5,600 135.2 16,182 41,100 154
กลุ่มประเทศนอร์ดิก 11,389 14,400 26.4 53,066 73,700 38.9
ตะวันออกกลาง 9,135 14,100 54.4 51,957 75,200 44.7
อื่น ๆ 70,342 95,000 35.1 440,611 678,900 54.1

สำหรับ 5 อันดับแรกของประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าญี่ปุ่นมากที่สุด ได้แก่ เกาหลีใต้ (4.44 ล้านคน), จีน (3.07 ล้านคน), ไต้หวัน (2.98 ล้านคน), สหรัฐอเมริกา (1.34 ล้านคน) และฮ่องกง (1.28 ล้านคน) ส่วนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้าประเทศมากเป็นอันดับ 6 (618,300 คน) นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ประกาศว่า คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจะใช้จ่ายในญี่ปุ่นสูงถึง 8 ล้านล้านเยน (50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อป้องกันปัญหา "นักท่องเที่ยวล้น" (overtourism) ที่อาจส่งผลกระทบต่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะกลายเป็นภาคส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่นในปี 2024 รองจากรถยนต์ และแซงหน้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทที่สำคัญของภาคการท่องเที่ยวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างหนัก ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ!

เที่ยวญี่ปุ่นบูม เยนอ่อน นักท่องเที่ยวทะลัก จนหลายธุรกิจแห่ขึ้นราคา

อัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 38 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ญี่ปุ่นกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากข้อมูลขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) นักท่องเที่ยวจาก 18 ใน 23 ประเทศที่ JNTO ติดตาม มีจำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายนทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากไต้หวันและสหรัฐอเมริกาที่สร้างสถิติใหม่ในทุกเดือน

"ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างไม่ต้องสงสัยได้ส่งเสริมความน่าดึงดูดใจของญี่ปุ่น กระตุ้นให้เกิดการวางแผนการเดินทางแบบกะทันหัน" นาโอมิ มาโนะ ประธานบริษัทนำเที่ยวระดับสูง Luxurique กล่าว "นอกจากนี้ เรายังพบว่ามีนักท่องเที่ยวจากหลากหลายประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดจากปี 2019 เมื่อนักท่องเที่ยวประมาณ 30% มาจากประเทศจีน"

ข้อมูลจาก JNTO ยังระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ในเดือนมิถุนายนลดลง 25% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2019 ในขณะที่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวจำนวนมากในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมได้ก่อให้เกิดความกังวลในหมู่ประชาชนในท้องถิ่นและผู้กำหนดนโยบาย เส้นทางเดินป่าที่แออัดและขยะที่เพิ่มขึ้นบนภูเขาไฟฟูจิอันศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่นในเดือนนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องกำหนดค่าธรรมเนียมเข้าชมและจำกัดจำนวนนักปีนเขาเป็นครั้งแรก

การท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

เที่ยวญี่ปุ่นบูม เยนอ่อน นักท่องเที่ยวทะลัก จนหลายธุรกิจแห่ขึ้นราคา

นายกเทศมนตรีเมืองฮิเมจิทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่นได้เสนอเมื่อเดือนที่ผ่านมาให้เรียกเก็บค่าเข้าชมปราสาทเก่าแก่สมัยซามูไรของเมืองจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในอัตราที่สูงกว่าผู้พักอาศัยในท้องถิ่นถึง 6 เท่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นภาคส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ นายกรัฐมนตรีคิชิดะได้ย้ำถึงเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่อปีให้เกือบเท่าตัวเป็น 60 ล้านคน และเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเป็น 15 ล้านล้านเยนภายในปี 2030

ท่านนายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ณ กรุงโตเกียวว่า รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาสนามบินในภูมิภาคและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนอกจากนี้ ท่านนายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคต่างๆ และการดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันปัญหาการท่องเที่ยวเกินขีดจำกัดอีกด้วย

"เยนอ่อน นักท่องเที่ยวหลั่งไหล ญี่ปุ่นพิจารณาขึ้นราคาเฉพาะขาวต่างชาติ"

ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนำไปสู่การที่ผู้ประกอบการร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งกำลังพิจารณาปรับขึ้นราคาสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แนวทางปฏิบัติดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำ

ระบบการกำหนดราคาแบบสองชั้น ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติจะถูกเรียกเก็บค่าบริการที่สูงกว่าคนในท้องถิ่นนั้น เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในแหล่งท่องเที่ยวของประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งนำไปสู่ความกังวลว่าญี่ปุ่นอาจสูญเสียภาพลักษณ์ของการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบางแห่งได้ออกมาโต้แย้งว่า ระบบการกำหนดราคาแบบสองชั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากนักท่องเที่ยว แต่เป็นมาตรการที่จำเป็นเร่งด่วนเพื่อรับมือกับต้นทุนด้านแรงงานและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นสืบเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นแห่และร้านอาหาารปรับราคา นักท่องเที่ยวต่างชาติจ่ายเพิ่ม

เที่ยวญี่ปุ่นบูม เยนอ่อน นักท่องเที่ยวทะลัก จนหลายธุรกิจแห่ขึ้นราคา

สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังหลายแห่งในญี่ปุ่นกำลังพิจารณาขึ้นราคาสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อรับมือกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาหลังค่าเงินเยนอ่อนตัวลง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือปราสาทฮิเมจิ มรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก ซึ่งนายกเทศมนตรีเมืองฮิเมจิเผยว่ากำลังพิจารณาขึ้นค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติถึง 4 เท่า จากเดิม 1,000 เยน เป็นราว 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1,000 บาท) ขณะที่คนท้องถิ่นยังคงจ่าย 5 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 170 บาท) เท่าเดิม

การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากอาจส่งผลกระทบต่อการดูแลรักษาปราสาท ขณะเดียวกันก็ต้องการหลีกเลี่ยงการขึ้นราคาสำหรับคนท้องถิ่นที่มองว่าปราสาทเป็น "สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ" ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลจังหวัดโอซาก้าก็กำลังหารือเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยอาจเริ่มใช้ในช่วงงานเอ็กซ์โปโลกที่จะจัดขึ้นในปี 2025 เพื่อนำเงินมาใช้บริหารจัดการนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

"ทามาเตะบาโกะ" ร้านอาหารทะเลบุฟเฟต์ในชิบูย่า สร้างความฮือฮาด้วยการคิดราคาบุฟเฟต์สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 7,678 เยน ในขณะที่คนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่อาศัยในญี่ปุ่นจ่ายเพียง 6,578 เยน โยเนมิตสึ เจ้าของร้าน อธิบายว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาจากการจ้างพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้และการฝึกอบรมเพื่อรองรับลูกค้าต่างชาติ

"ร้านของเรามีลูกค้าวันละ 100-150 คน แต่มีที่นั่งแค่ 35 ที่ การบริการลูกค้าต่างชาติต้องใช้เวลามากกว่าคนญี่ปุ่น ทั้งการอธิบายเมนู การแนะนำวิธีรับประทาน" โยเนมิตสึกล่าว พร้อมย้ำว่า 80% ของลูกค้ายังคงเป็นคนญี่ปุ่น การขึ้นราคาสำหรับทุกคนจึงไม่เป็นธรรม ลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่มาใช้บริการพร้อมเพื่อนชาวต่างชาติแสดงความเห็นด้วยกับนโยบายนี้ "เมื่อค่าเงินเยนอ่อนขนาดนี้ การเก็บเงินจากชาวต่างชาติเพิ่มอีกหน่อยก็ไม่น่าเสียหาย" เธอกล่าว "เหมือนกับวัดในไทยที่ก็มีราคาต่างกันสำหรับคนไทยและต่างชาติ ตอนนี้ญี่ปุ่นก็เป็นแบบนั้นแล้ว"

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวเตือนว่าธุรกิจและสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นราคาสำหรับชาวต่างชาติควรระมัดระวังในการสื่อสารเหตุผลและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน การขึ้นราคาอย่างกะทันหันโดยอ้างว่าชาวต่างชาติรับไหวเพราะค่าเงินเยนอ่อน อาจทำให้เกิดความไม่พอใจและส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นในระยะยาว ผลสำรวจความคิดเห็นของคนญี่ปุ่นเกี่ยวกับการคิดราคาต่างกันสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ พบว่าเกือบ 60% เห็นด้วยหรือค่อนข้างเห็นด้วย แต่กว่าครึ่งก็กังวลว่าระบบนี้อาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นในสายตานักท่องเที่ยว

คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่หนุนขึ้นราคาต่างชาติ แต่ก็หวั่นกระทบภาพลักษณ์

ผลสำรวจชี้ว่าชาวญี่ปุ่นเกือบ 60% เห็นด้วยหรือค่อนข้างเห็นด้วยกับการปรับขึ้นราคาค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการยกระดับบริการเพื่อสร้างความคุ้มค่า เช่น การให้บริการในหลากหลายภาษา การจัดเตรียมมัคคุเทศก์ หรือการมอบของที่ระลึกพิเศษ ด้านนักท่องเที่ยวต่างชาติบางรายแสดงความเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ โดยมองว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลหากมีนักท่องเที่ยวมากเกินไป แต่ก็มีบางส่วนกังวลว่าอาจถูกมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ

ศาสตราจารย์ด้านการท่องเที่ยวจากมหาวิทยาลัย Kokugakuin แนะนำว่า ธุรกิจควรหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการบริการให้สูงขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับประสบการณ์ที่ดีและยินดีจ่ายในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยดึงดูดให้กลับมาเที่ยวญี่ปุ่นอีกในอนาคต สุดท้ายนี้การท่องเที่ยวญี่ปุ่นกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหม่ เมื่อความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เกิดคำถามถึงความยั่งยืนของอุตสาหกรรม การปรับขึ้นราคาสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะกำหนดทิศทางและอนาคตของการท่องเที่ยวญี่ปุ่นในยุคหลังโควิด-19

ที่มา Reuters และ kyodonews

แชร์

เที่ยวญี่ปุ่นบูม เยนอ่อน นักท่องเที่ยวทะลัก จนหลายธุรกิจแห่ขึ้นราคา