กนง. เฝ้าจับตาการปรับเปลี่ยนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลใหม่ หวังเห็นการแจกเงินสดตรงสู่กลุ่มเปราะบางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุดยิ่งขึ้น พร้อมย้ำว่าการประเมินเศรษฐกิจปัจจุบันยังไม่ได้รวมผลกระทบจากนโยบายนี้
"อัปเดต 22/08/2024 อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร แสดงวิสัยทัศน์ ในงาน Vision For Thailand 2024 และมีช่วงหนึ่งได้พูดถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า เดือนกันยายน รัฐบาลมั่นใจว่าสามารถจ่ายเงิน 10,000 บาท ให้กับประชาชนได้ แต่จะจ่ายให้กลุ่มเป้าหมายแรกก่อนคือ กลุ่มเปราะบางและผู้พิการ มีจำนวน 14 ล้านคน ใช้งบประมาณปี 2567 รวม 1.45 แสนล้านบาท ที่ต้องใช้ภายในเดือนกันยายนนี้
จากนั้นในเดือนตุลาคม 2567 ผู้ที่ลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตไว้ 30 ล้านคน จะมีโอกาสได้รับเงิน 10,000 บาท เช่นกัน โดยใช้งบประมาณของปี 2568 ต่อไป และหากระบบบล็อคเชนที่ใช้ทำดิจิทัลวอลเล็ตเสร็จทันก็จะนำมาใช้ในรอบนี้ด้วย "
นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า กนง. กำลังจับตาการเปลี่ยนแปลงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะแนวคิดการปรับเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมมาเป็นการแจกเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบาง ซึ่ง กนง. เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
นายปิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กนง. ให้ความสำคัญกับการติดตามข้อมูลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายการเงิน และในกรณีของดิจิทัลวอลเล็ต ก็มีการอัพเดทข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
"หากมีการปรับเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มเปราะบาง ซึ่งถือเป็นการให้ความช่วยเหลือแบบจำเพาะเจาะจงมากขึ้น"
โดยคาดการณ์ว่า ผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจจะมีนัยสำคัญกว่า เนื่องจากกลุ่มเปราะบางมีแนวโน้มที่จะนำเงินที่ได้รับไปใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในสัดส่วนที่สูงกว่า หากไม่ได้รับเงินช่วยเหลือนี้
ดังนั้น หากมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปในทิศทางดังกล่าว ผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมย่อมมีแนวโน้มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม อาจมาพร้อมกับเม็ดเงินสนับสนุนที่ลดลง
ประเด็นสำคัญ คือ หากเป็นการโอนเงินให้ประชาชนโดยตรง ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หรือ "ตัวคูณทางการเงิน" จะมีจำกัด ไม่สูงเท่ากับกรณีที่รัฐบาลใช้จ่ายโดยตรง ลงทุน หรือบริโภคเอง ซึ่งจะสร้างกำลังซื้อใหม่ได้ทันที
นายปิติ กล่าวว่า "หากมีการโอนเงินให้ประชาชน ก็ต้องพิจารณาว่า พวกเขาจะนำเงินไปใช้จ่ายมากกว่าตอนที่ไม่มีเงินหรือไม่ เนื่องจากอาจมีการลดทอนลงไปบ้างจากการออม ทำให้แรงกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยลง ดังนั้น เราคงต้องรอดูความชัดเจนของรูปแบบมาตรการกระตุ้นก่อน"
"เราพยายามอัพเดทข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ต้องรอดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง จากที่ประเมินไว้รอบก่อน ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากดิจิทัลวอลเล็ตส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในปีหน้า และไม่มากนัก เนื่องจากลักษณะของโครงการ และถ้าต้องเบียดบังงบประมาณการใช้จ่ายภาครัฐในส่วนอื่น ผลสุทธิต่อเศรษฐกิจก็จะไม่มาก แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่ ก็ต้องมาประเมินกันอีกครั้ง" นายปิติกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายปิติ ย้ำว่า การประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ที่ 2.6% และปีหน้า 3% นั้น ยังไม่ได้รวมผลกระทบจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
"ภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงน้อยมากจากรอบก่อน ผลกระทบจากดิจิทัลวอลเล็ตก็ไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น ปัจจัยเรื่องนโยบายการคลังจึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่ได้เป็นประเด็นหลักในการพิจารณานโยบายการเงินรอบนี้" นายปิติ กล่าวสรุป
แม้ว่า กนง. จะยังไม่ได้รวมผลกระทบจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตในการประเมินเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดของ กนง. ต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดนโยบายการเงินในอนาคต