กสทช. มุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินแห่งชาติ ทั้งผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยเทคโนโลยี Cell Broadcast และผ่านโทรทัศน์ดิจิทัล เพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ พร้อมเดินหน้าทดสอบระบบจริงในพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าระบบพร้อมใช้งานจริง
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการ ได้เผยถึงความมุ่งมั่นของ กสทช. ในการพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ Cell Broadcast ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ได้รับมอบหมายจากประธาน กสทช. ตั้งแต่ต้นปี เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและลดความเสี่ยงให้กับประชาชน โดยระบบนี้จะเชื่อมต่อโดยตรงกับระบบสั่งการของรัฐบาล เพื่อให้การแจ้งเตือนเป็นไปอย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ในปัจจุบัน กสทช. ได้อนุมัติกรอบวงเงินสำหรับการพัฒนาระบบ Cell Broadcast, Core Network, Radio Network และค่าบำรุงรักษาเป็นระยะเวลา 3 ปี ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อย่าง AIS และ TrueMove H วงเงินลงทุนรายละ 300 ล้านบาท แล้ว ส่วน NT อยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มเติม ทั้งนี้ ผู้ให้บริการทั้งสองรายได้ดำเนินการทดสอบระบบและพร้อมเชื่อมต่อกับระบบสั่งการของรัฐบาลแล้ว
นอกจากนี้ กสทช. ยังมุ่งมั่นพัฒนาระบบแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินผ่านโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล หรือ EWS โดยร่วมมือกับสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก เพื่อเพิ่มช่องทางการแจ้งเตือนให้ครอบคลุมและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น AIS และ TrueMove H ได้เริ่มทดสอบระบบ Cell Broadcast ไปแล้วเมื่อวันที่ 5 มีนาคม และ 3 กรกฎาคม 2567 ตามลำดับ โดยระบบนี้จะแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินผ่านข้อความและเสียงไปยังโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใดๆ
ในขณะนี้ ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่กำลังเร่งดำเนินการติดตั้งโครงข่ายเพื่อรองรับระบบ Cell Broadcast และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ นอกจากนี้ กสทช. ยังมีแผนที่จะร่วมกับภาครัฐและเอกชนทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินฯ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ตในอนาคตอันใกล้ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบพร้อมใช้งานจริงและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
กสทช. เดินหน้าอย่างเต็มกำลังเพื่อสร้างระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินแห่งชาติที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทุกคน การพัฒนาและทดสอบระบบอย่างต่อเนื่องนี้ เป็นเครื่องยืนยันถึงความพร้อมของประเทศไทยในการรับมือกับภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินทุกรูปแบบ