ท่ามกลางบรรยากาศการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา การพบกันของสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ "จีน" และ "สหรัฐฯ" กลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แม้จะเป็นเวทีหารือด้านเศรษฐกิจ แต่ประเด็นร้อนแรงกลับหนีไม่พ้น "สงครามการค้า" ที่ยังคุกรุ่น และ "มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย" ที่สั่นคลอนเสถียรภาพโลก
ความขัดแย้ง จีน-สหรัฐฯ รอบใหม่? เจาะลึก 5 ปมปัญหา สั่นคลอนเศรษฐกิจโลก
จีนแสดงความกังวลอย่างชัดเจนต่อนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ และมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนทางอ้อม
บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาคุณไปวิเคราะห์ 5 ปมปัญหาสำคัญที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ พร้อมเจาะลึกผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่ทุกคนต้องจับตา!
จีน-สหรัฐฯ ประชุมเศรษฐกิจ จีนวิตก ภาษี-คว่ำบาตร
กระทรวงการคลังแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ระบุว่า จีนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และมาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับสหพันธรัฐรัสเซีย ในการประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา
ในการประชุมดังกล่าว จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ และนับเป็นการประชุมครั้งที่ 6 ของคณะทำงานฯ
นายเหลียว หมิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของจีน ได้กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในฐานะประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลก ได้นำมาบังคับใช้เมื่อไม่นานมานี้ โดยมีนายเจย์ แชมบอ รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เป็นผู้แทนฝ่ายสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ นายเหลียว อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารโลกได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจร่วมกันดังกล่าว
ถอดรหัส ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ วิเคราะห์ 5 ปมปัญหาสำคัญ สู่ความขัดแย้งรอบใหม่?
การแสดงความกังวลของจีนต่อนโยบายภาษีและมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาในการประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ
สะท้อนให้เห็นถึงภาวะตึงเครียดและความซับซ้อนในมิติเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ
โดยเฉพาะในประเด็น ดังนี้
- นโยบายการค้า : จีนมีความกังวลว่าสหรัฐฯอาจยังคงดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้า เช่น การจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน นอกจากนี้ จีนอาจประเมินว่านโยบาย "America First" ของสหรัฐฯ อาจนำไปสู่การบังคับใช้มาตรการกีดกันทางการค้ารูปแบบใหม่อันจะส่งผลกระทบต่อจีนในอนาคต
- สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน : จีนและรัสเซียมีความสัมพันธ์อันดีในระดับทวิภาคี มาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯ และพันธมิตรดำเนินการต่อรัสเซียอาจส่งผลกระทบทางอ้อมต่อจีน เช่น ข้อจำกัดด้านการค้า การลงทุน หรือการเข้าถึงเทคโนโลยี ยิ่งไปกว่านั้น จีนอาจมีความกังวลว่าสหรัฐฯ จะกดดันให้จีนเข้าร่วมมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซีย
- การแข่งขันด้านเทคโนโลยี : สหรัฐฯ มีนโยบายจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจีนมองว่า เป็นความพยายามในการสกัดกั้นการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ความขัดแย้งในประเด็นนี้อาจทวีความรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของโลก
- พลวัตความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ : การแสดงความกังวลของจีนอาจเป็นการส่งสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ถึงสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายนโยบายกีดกันทางการค้า และแสวงหาความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกายังคงเปราะบาง และมีความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งในประเด็นอื่นๆ เช่น สถานะของไต้หวัน และประเด็นทะเลจีนใต้
- ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก : ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง เช่น การชะลอตัวของการค้าระหว่างประเทศ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และความผันผวนของตลาดการเงิน หากความขัดแย้งระหว่างสองประเทศยืดเยื้อ เศรษฐกิจโลกอาจเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรงยิ่งขึ้น
แนวโน้มสถานการณ์ในอนาคต
- การเจรจาหารือ : จีนและสหรัฐฯ อาจริเริ่มกระบวนการเจรจาหารือทวิภาคี เพื่อแสวงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และบรรเทาภาวะตึงเครียดทางเศรษฐกิจ
- มาตรการตอบโต้ : หากสหรัฐฯ ไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย จีนอาจใช้มาตรการตอบโต้ทางเศรษฐกิจ เช่น การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ หรือการจำกัดการลงทุนของสหรัฐฯ ในจีน
- การแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจ : เศรษฐกิจโลกอาจเผชิญกับภาวะการแบ่งขั้ว โดยมีจีนและสหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางของแต่ละขั้ว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก
บทสรุป ความกังวลของจีน สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายและความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลกในปัจจุบัน นโยบายและการดำเนินการของทั้งจีนและสหรัฐอเมริกา ล้วนมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก และพลวัตความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การติดตามสถานการณ์ การประเมินความเสี่ยงและการวิเคราะห์เชิงลึก จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น
อ้างอิง reuters