แม้เศรษฐกิจโลกยังคงผันผวนจากปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งสงคราม ความขัดแย้ง และเงินเฟ้อ แต่ดูเหมือนว่าตลาดหุ้นไทยยังคงยืนหยัดและร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง! ล่าสุด ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนพุ่งสูงขึ้นแตะระดับ "ร้อนแรงอย่างมาก" เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เกิดปรากฏการณ์นี้?
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 20-31 ตุลาคม 2567
ผลการสำรวจบ่งชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แตะระดับ 160.66 จุด ซึ่งจัดอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” อย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง สะท้อนถึงภาวะการณ์อันเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้เกิดภาวะความเชื่อมั่นในระดับสูงเช่นนี้ ประกอบด้วย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาล ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างเสถียรภาพและความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจโดยรวม ควบคู่กับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการลดต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจ และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ดี ยังคงปรากฏปัจจัยลบที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ยังคงดำเนินอยู่ ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
การสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนตุลาคม 2567 บ่งชี้ถึงสภาวะการณ์อันเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
ภาพรวมดัชนีความเชื่อมั่น
ดัชนีความเชื่อมั่นจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน
การวิเคราะห์หมวดธุรกิจ
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาดทุนไทย
จากผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในเดือนตุลาคม 2567 พบว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนมีการปรับตัวลดลงในหลายกลุ่ม โดยนักลงทุนบุคคลมีความเชื่อมั่นลดลง 6% อยู่ที่ระดับ 138.71 ขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์มีความเชื่อมั่นลดลงมากที่สุดถึง 14.3% อยู่ที่ระดับ 150.00 ในทางตรงกันข้าม ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันในประเทศยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 140.00 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างประเทศมีความเชื่อมั่นลดลง 10.0% อยู่ที่ระดับ 180.00
สำหรับภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนตุลาคม 2567 ดัชนี SET Index ปรับตัวผันผวน โดยในช่วงต้นเดือน ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ก่อนจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงกลางเดือน สืบเนื่องจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 2.25% อย่างไรก็ดี ดัชนี SET Index ปรับตัวลดลงในช่วงปลายเดือน อันเนื่องมาจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2567 ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,466.04 จุด เพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อนหน้า โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 54,750 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 27,968 ล้านบาท และนับตั้งแต่ต้นปี 2567 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวมกว่า 122,757 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่นักลงทุนควรจับตามอง คงหนีไม่พ้นสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหา และอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ นอกจากนี้ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 และทิศทางนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ภายหลังการเลือกตั้ง ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนภายหลังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลจีน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญของเศรษฐกิจโลก
ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศ แรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกที่แข็งแกร่ง คาดว่าจะเป็นแรงส่งสำคัญให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามแนวโน้มของเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป นอกจากนี้ แรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนในกองทุน ThaiESG และกองทุนวายุภักษ์ในช่วงท้ายปี รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/2567 ซึ่งคาดว่าจะออกมาในทิศทางบวกสอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ล้วนเป็นปัจจัยที่น่าจับตามอง
จากข้อมูลข้างต้น สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศ แต่แรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยว การส่งออก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ยังคงเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ภาวะเงินเฟ้อ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และสถานการณ์การเมือง เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบ