ผลการเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 นับเป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญของประเทศไทย เพราะพรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงมากเป็นอันดับ 1 คือ พรรคก้าวไกล พรรคที่มาอายุทางการเมืองไม่มาก แต่มีความชัดเจนในอุดมการณ์และมาพร้อมกับแนวคิดก้าวหน้า คะแนนเสียงอย่างไม่เป็นทางการโดย กกต. พรรคก้าวไกลมีที่นั่งรวม 151ทีนั่ง จาก ส.ส.แบบแบ่งเขต 112 ที่นั่ง และส.ส.บัญชีรายชื่อ 39 ที่นั่ง
แน่นอนว่า พรรคอันดับ 1 ย่อมเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และ 151 เสียงของพรรคก้าวไกลพรรคเดียวยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ความเป็นห่วงและความกังวลจึงเกิดขึ้นว่า จะมีสถานการณ์ใดทำให้การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า หรือ มีการเปลี่ยนแปลง ไปจากนี้หรือไม่
เพราะปัจจัยของการมีรัฐบาลใหม่ สำคัญต่อเศรษฐกิจไทยแน่นอน
1.การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 จะต้องแล้วเสร็จและจะถูกใช้ใน ตุลาคม 2566
2.การมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนต่างชาติ
ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์เอ็กซ์ จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ SPOTLIGHT ว่า หากพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เช่นในกรณี พรคคก้าวไกล ร่วมกับ พรรคเพื่อไทย ประชาชาติ ไทยสร้างไทย และพรรคอื่นอีก อาจจะเป็นรัฐบาลที่ไม่ได้มีความมั่นคงมากนัก เพราะเสียงของ ส.ว.ยังคงมีความสำคัญในสภาอยู่
ขณะที่หากเป็นการจัดตั้งรัฐบาลแบบขั้วผสม เช่น กรณีพรรคเพื่อไทย พลังประชารัฐ ภูมิใจไทยและพรรคอื่นๆ แบบนี้อาจมีเสถียรภาพในแง่สภา แต่เสถียรภาพนอกสภาอยู่ในระดับต่ำ และอาจเกิดกาประท้วงของประชาชนได้
อย่างไรก็ตาม ผลต่อเศรษฐกิจไทยจากการมีรัฐบาล นอกเหนือจาก 2 เรื่องหลักคือ การทำงบประมาณ ปี 2567 ให้ทัน และความเชื่อมั่นในประเทศไทยแล้ว นโยบายของรัฐบาลใหม่อาจไม่ได้มีผลต่อเศรษฐกิจมากนัก เนื่องจากทุกพรรคการเมืองมีนโนบายหาเสียงที่ไปในทิศทางให้สวัสดิการ หรือ ประชานิยม ซึ่ง บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอ็กซ์ เคยวิเคราะห์ว่า ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ราว 0.7% ของ GDP แต่มีภาระต้นทุนทางการคลังที่สูง
ส่วนผลต่อการลงทุน บล.อินโนเวสท์ เอ็กซ์ ประเมินว่า อาจจะมีผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจบางกลุ่ม ที่แนวคิดหรือนโยบายของรัฐบาลใหม่ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งพรรคก้าวไกล หรือ พรรคเพื่อไทย ได้หาเสียงไว้ ดังนี้
สามารถติดตามการวิเคราะห์ ของดร.ปิยศักดิ์ มานะสรรค์ ได้ที่ทาง ยูทูป Amarin TV และ เฟซบุ๊ก SPOTLIGHT