ข่าวเศรษฐกิจ

ครม.เศรษฐานัดแรก ลดค่าไฟ ลดราคาดีเซลจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 รอบ/เดือน

13 ก.ย. 66
ครม.เศรษฐานัดแรก ลดค่าไฟ ลดราคาดีเซลจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 รอบ/เดือน

การประชุมครม.นัดแรกของรัฐบาลนายกฯเศรษฐา ทวีสิน มีมติออกมาหลายเรื่องเกี่ยวกับค่าครองชีพและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน

โดยมีมติสำคัญการประชุมครม.13 ก.ย.2566 มีดังนี้ 

1.เปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการจากเดือนละ 1 รอบ เป็นเดือนละ 2 รอบ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2567
2. ลดค่าไฟฟ้า จาก 4.45 บาท เหลือ  4.10 บาทต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมงเริ่มในรอบบินเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป
3.ราคาน้ำมันดีเซล ลดให้ราคาต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร โดยจะเริ่มได้ในวันที่ 20 กันยายนนี้
(ส่วนเบนซินอยู่ระหว่างการพิจารณาช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง)
4.ฟรีวีซ่าชั่วคราวให้นักท่องเที่ยวจีน-คาซัคสถาน เริ่ม 25 กันยายน 2566 - 29 กุมภาพันธ์ 2567
5.ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ Soft Power แห่งชาติ
6. พักหนี้เกษตรกรและธุรกิจขนาดเล็กเป็นเวลา 3 ปี

มติประชุมครม.เศรษฐา นัดแรก

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก SPOTLIGHT คัดเฉพาะประเด็นด้านเศรษฐกิจ ว่า  เรื่องวีซ่าฟรีชั่วคราว ในการเดินทางเข้าประเทศไทย ของประเทศจีนและคาซัคสถาน  ซึ่งคาซัคสถานอยู่ในยุโรปมีภาวะฤดูหนาวที่รุนแรง  ซึ่งดูจากสถิติเป็นประเทศที่มีผู้อยากเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยวีซ่าฟรีจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567  เป็นการยกเว้นชั่วคราว หลังจากวานนี้ พูดคุยกันทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้ง ททท. ฝ่ายความมั่นคง และการท่าอากาศยาน เพื่อให้แน่ใจว่าทุกภาคส่วนพร้อมรองรับ 

ส่วนนโยบายเติมเงิน 10,000 ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง มอบหมายให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นเจ้าภาพในการกำหนดเงื่อนไข แนวทาง รายละเอียด และให้นำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วอาจจะเป็น ครม.รอบหน้า คือต้องเร็วที่สุด เพราะประชาชนคอยความชัดเจน 

นอกจากนี้ มีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ soft power แห่งชาติ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่ได้หาเสียงไป และเป็นการดึงศักยภาพของประชาชนชาวไทย ออกมาเพื่อเสริมสร้างรายได้ เพิ่มโอกาสให้กับประชาชน ส่วนเรื่องการพักหนี้เกษตรกร และธุรกิจขนาดเล็กได้พักหนี้เป็นเวลาสามปี 

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงกระแสเงินสดในกระเป๋าของทุกคนว่าเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลได้เปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการจากเดือนละ 1 รอบ เป็นเดือนละ 2 รอบ ส่วนตัวรายละเอียดนั้นจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2567 โดยต้องมีการแก้ไขระบบหลาย ๆ อย่างจึงไม่สามารถดำเนินการเลยได้ เชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อยได้มากพอสมควร ถ้ามีการจ่ายเงิน 2 รอบ จะได้ไม่ต้องกู้หนี้ยืมสิน ไม่ต้องรอคอยสิ้นเดือนก็จะมีเงินแบ่งจ่ายออกมา

ส่วนประเด็นที่ประชาชนรอคอย คือ เรื่องค่าไฟฟ้า  ครม. มีมติ ลดค่าไฟฟ้า จาก 4.45 บาท เหลือ  4.10 บาทต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะกว่าที่ประชาชนได้คาดไว้  ซึ่งจะเริ่มในรอบบินเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป เช่นเดียวกับ ราคาน้ำมันดีเซล ลดให้ราคาต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร โดยจะเริ่มได้ในวันที่ 20 กันยายนนี้  ในส่วนของน้ำมันเบนซินได้มีการพูดคุยกัน แต่ต้องดูรายละเอียดให้ดีในกลุ่มผู้ที่เดือดร้อนจริง ๆ ซึ่งจะมีมาตรการตามมาภายหลัง

รมว.พลังงานชี้แจงรายละเอียดมาตรการลดค่าไฟและราคาน้ำมัน 

ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาครองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชนตามที่กระทรวงพลังงานเสนอซึ่งสอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลเร่งด่วนในการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ประกอบกับสถานการณ์พลังงานในตลาดโลกเข้าสู่ในไตรมาสที่ 4 (ฤดูหนาว) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกระทรวงพลังงานจึงเสนอมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน 2 ด้าน ได้แก่

  1. ​มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง
  • ราคาน้ำมันดีเซล ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. -31 ธ.ค. 66 โดยใช้กลไกของภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
  • ราคาน้ำมันเบนซิน กระทรวงพลังงานจะพิจารณารายละเอียดแนวทางการช่วยเหลือแบบมุ่งเป้าให้แก่ผู้ใช้น้ำมันเบนซินกลุ่มเปราะบาง เช่น กลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างและแท็กซี่ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ ในระหว่างนี้ ให้มีการกำกับดูแลราคาขายปลีกให้มีค่าการตลาดอยู่ในระดับที่เหมาะสม ประมาณ 2.00 บาทต่อลิตร ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)
  • ราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ตรึงราคาขายปลีก LPG ที่ระดับ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 31 ธ.ค. 66 ผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้ง จะมีมาตรการช่วยเหลือส่วนลดค่าก๊าซหุงต้มให้กับผู้มีรายได้น้อยหรือกลุ่มเป้าหมาย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
  1. ​มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า
  • ปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าที่ประกาศเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้ารอบเดือน ก.ย.- ธ.ค. 66 ในอัตรา 4.45 บาทต่อหน่วย ลงเหลือในอัตรา 4.10 บาทต่อหน่วย โดยกระทรวงพลังงานร่วมกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะดำเนินการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการคิดราคาก๊าซธรรมชาติ Pool gas ให้ไม่เกินค่าประมาณการคงที่ ประมาณ 305 บาทต่อล้านบีทียู และให้นำส่วนต่างของราคาก๊าซธรรมชาติที่เกิดขึ้นจริงกับค่าก๊าซธรรมชาติที่เรียกเก็บไปทยอยเรียกเก็บคืน ซึ่งจะทำให้ปรับลดราคาค่าไฟฟ้าลงได้อีก
  • นอกจากนี้ จะมีการดำเนินมาตรการช่วยเหลือส่วนลดค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมให้แก่กลุ่มเปราะบาง อาทิ การให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน โดยกระทรวงพลังงานจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเสนอต่อครม.ต่อไป

ทั้งนี้ มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ทั้ง 2 ด้าน นั้น คณะรัฐมนตรีได้มอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการต่อไป

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT