การประชุมธนาคารกลางสหรัฐนัดสุดท้ายของปี 2566 มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ต่ออีกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 22 ปี และเฟดส่งสัญญาณในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้า เท่ากับเป็นการปิดฉากยุคดอกเบี้ยแพง ที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือน มีนาคม 2565 รวม 11 ครั้งจนถึงปี 2566
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75% จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในการประชุมเดือนก.ย. นอกจากนี้เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 4 ครั้งในปี 2568 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 1.00% ส่วนในปี 2569 เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75%
ทำให้นับจากปี 2567 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยที่เคยสูงถึง 5.50% จะค่อยๆลดลงในช่วง 3 ปีจากนี้ สู่ช่วง 2.00-2.25% ซึ่งใกล้กับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับ 2.50%
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ย้ำชัดเจนว่า เฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก และเฟดมีความเต็มใจที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2567 โดยหากเศรษฐกิจส่งสัญญาณว่ากำลังกลับสู่ภาวะปกติ เฟดก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินอีกต่อไป
หุ้น ทอง น้ำมัน ปรับขึ้นทันทีหลังรับสัญญาณลดดอกเบี้ยปีหน้า
สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีหลังเฟดส่งสัญญาณชัดในการลดดอกเบี้ยปีหน้าคือตลาดการลงทุนทั้งหุ้น ทองคำ น้ำมัน ปรับตัวสูงขึ้นด้ว ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพุธ (13 ธ.ค.) โดยดาวโจนส์ทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 37,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 1%
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดบวกกว่า 10 จุดระหว่างการซื้อขายขึ้นไปถึง 20 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,380 จุด
ด้านราคาทองคำ Gold Spot ปรับขึ้นไปแตะ 2,000 เหรียญ ทำให้ราคาทองคำในประเทศไทยปรับขึ้น 250 บาท/บาททองคำ และเริ่มปรับลดลงบ้าง โดยเงินบาทอยู่ที่ 35.08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ราคาล่าสุดโดยสมาคมค้าทองคำ
ทองคำแท่ง รับซื้อ 33,700บาท/บาททองคำ ขายออก 33,800 บาท/บาททองคำ
ทองรูปพรรณ รับซื้อ 33,094.98 บาท/บาททองคำ ขายออก 34,300บาท/บาททองคำ
ด้านสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (13 ธ.ค.) ขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในปีหน้า
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 69.47 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 74.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
ลดดอกเบี้ย แต่ปรับมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้ดีขึ้น
ทั้งนี้หากดูคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐนั้น เฟดปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวสู่ระดับ 2.6% ในปีนี้ จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.1%
ส่วนในปี 2567 คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีการขยายตัว 1.4% ปี 2568 1.8% และ ปี 2569 1.9% ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 1.8% นอกจากนี้เฟดคงคาดการณ์อัตราว่างงานที่ระดับ 3.8% ในปีนี้ และคาดว่าอยู่ที่ 4.1% ทั้งในปี 2567, 2568 และ 2569 ขณะที่อัตราว่างงานระยะยาวอยู่ที่ 4.1% เช่นกัน
ส่วนการคาดการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อนั้น เฟดปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสู่ระดับ 3.2% ในปีนี้ จากเดิมที่ระดับ 3.7% และคาดว่าอยู่ที่ 2.4% ในปี 2567 ส่วนปี 2568 อยู่ที่ 2.2% ส่วนปี 2569 อยู่ที่ 2.0%